นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะเหตุการณ์การรุกล้ำอธิปไตยของไทยที่หนองจานและหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว โดยขอแนะนำให้รัฐบาลใหม่ เร่งสานต่อมาตรการเชิงรุกตอบโต้กัมพูชาที่ใช้ประชาชนพลเรือนเป็นโล่ห์มนุษย์ และการมาประท้วงกดดันเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ให้รื้อทำลายลวดหนามภายในดินแดน และอำนาจอธิปไตยของไทยทันทีที่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งตนได้แนะนำกระทรวงการต่างประเทศไปตามข้อเสนอแนะดังนี้แล้ว ทั้งการบันทึกไว้เป็นหลักฐานผ่านกลไกทวิภาคี กับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Office of the United Nations High Commissioner for Human Rights - OHCHR) และสำนักงานคณะกรรมการกาชาดสากล (International Committee of the Red Cross) เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2568 ที่กรุงเจนีวาต่อการที่ใช้โล่ห์มนุษย์ เป็นเครื่องมือเพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ รวมถึง
(2) ประท้วงกัมพูชาในกรอบพหุภาคี ผ่านกลไกขององค์การสหประชาชาติที่นคร New York ทั้งกับเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN Secretary - General) และประธานสมัชชาสหประชาชาติ (UNPA) เรื่องการใช้โลห์มนุษย์ของกัมพูชา ซึ่งละเมิดกฏบัตรสหประชาชาติ กฏหมายระหว่างประเทศ และกฏหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และในกรอบพหุภาคีที่ละเมิดกฏหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) ภายใต้กลไกขององค์การสหประชาชาติที่นครเจนีวา ผ่านสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกาชาดสากล
รวมถึงยังได้ออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาที่บิดพริ้วไม่จริงใจที่จะใช้กลไกคณะกรรมาธิการ JBC ไทย-กัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาชายแดน ซึ่งการประชุม JBC ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14-15 มิถุนายน 2568 ที่กรุงพนมเปญ ได้ตกลงกันว่าจะเร่งประชุม JBC ครั้งต่อไปภายในต้นเดือนกันยายนนี้ ที่กรุงเทพฯ แต่จนบัดนี้กัมพูชายังเตะถ่วงไม่ยอมเจรจา และยังใช้สงครามข่าวสารโดยให้ข้อมูลเท็จว่า กัมพูชาเรียกร้องให้มีการประชุม JBC โดยเร็ว แต่ฝ่ายไทยปฏิเสธ
นายมาริษ ยังเห็นว่า รัฐบาลกัมพูชาใช้โล่ห์มนุษย์ สนับสนุน ปลุกปั่น ยุยงให้ประชาชน พลเรือนชาวกัมพูชา ละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย กดดันเจ้าหน้าที่ดูแล และรักษาความปลอดภัยตามบริเวณชายแดนฝ่ายไทย เป็นพยายามสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งให้เลวร้ายลงไปอีก ด้วยการบุกรุกดินแดนของประเทศไทย รื้อทำลายรั้วลวดหนามภายใต้อำนาจอธิปไตยของประเทศไทย แทนที่จะใช้กลไกคณะกรรมการ JBC ในการแก้ไขปัญหา
นายมาริษ ยังขอให้รัฐบาลใหม่ เร่งดำเนินการโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญด้วย
Advertisement