วันที่ 13 ก.ย. 68 ที่จ.ตรัง ผู้สื่อข่ารายงานว่า เดิมจ.ตรังถือเป็นเมืองหลวงของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นบ้านเกิดของนาย ชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษา พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรีหลายสมัย
นายชวนถือว่าสัญลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่จากการลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์กลับพบว่า หลายคนถอดใจกับพรรคประชาธิปัตย์ หลายคนบอกเลือก พรรคประชาธิปัตย์ มาตั้งแต่รุ่นพ่อ แต่ตอนนี้หมดหวัง เพราะผู้นำพรรคยุคใหม่ไม่มีอุดมการณ์ ทำเพื่อตัวเอง จึงผิดหวังอย่างมาก บางคนเคยเป็นสมาชิกพรรค แต่ตอนนี้เมื่อหมดสมาชิกภาพก็ไม่สมัครต่อ และเสนอแนะหากพรรคประชาธิปัตย์อยากได้รับความนิยมกลับมาผู้นำ ต้องมีอุดมการณ์ ปรับตัวใหม่ ฟังเสียงประชาชน ค้นหาตัวเองให้เจอ ยึดอุดมการณ์เดิมของพรรค
นายจำเริญ สมานกุล อายุ 70 ปี บอกว่า ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่มาคำติดปากของคนใต้คือ “ลูกชวนหลานชวน” เลือกแต่พรรคประชาธิปัตย์ แต่มาตอนนี้ไม่เลือกใครแล้ว เพราะเลือกไปก็ได้นักการเมืองหน้าเก่าๆ ทั้งนั้น ไม่ได้ทำงานดูแลช่วยเหลือประชาชน คิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว และที่ผิดหวังมากที่สุด พรรคประชาธิปัตย์ เคยเกณฑ์พวกตนไปขับไล่พรรคเพื่อไทย แต่พอมาสมัยนี้กลับไปอ่อนน้อมยกมือไหว้เพื่อขอเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ไม่มีศักดิ์ศรี จึงหมดศรัทธา ต่อจากนี้ก็จะไม่เลือกพรรคไหนอีก ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนตัวมองว่าจะให้เฟื่องฟูเหมือนสมัยก่อนคงไม่ได้แล้วหากพรรคยังอยากคงอยู่จะต้องเร่งปรับตัวมีอุดมการณ์ทำเพื่อประชาชน
เช่นเดียวกับชาวบ้านอีกราย ก็บอกว่าไม่มีใครเอาแล้วพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีใครเลือกแล้ว สมัยก่อนทุกคนเลือก เพราะเชื่อมั่นศรัทธา แต่ตอนนี้ไม่เลือกแล้ว
ด้านนายประสิทธิ์ หวนสิน วินจักรยานยนต์รับจ้าง บอกว่า คนเสื่อมศรัทธาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพราะผู้นำพรรคปัจจุบันไม่มีอุดมการณ์เหมือนสมัยก่อน แต่ส่วนตัวยังคงศรัทธาพรรคประชาธิปัตย์อยู่ เพราะเป็นพรรคที่เกิดในภาคใต้ และอยากให้กำลังใจอยากให้มีการปรับตัวหาผู้นำที่มีอุดมการณ์ชัดเจน และคัดสรรตัวผู้สมัครที่มีอุดมการณ์ทำเพื่อประชาชน
ขณะที่นายจิระศักดิ์ ควนจันทร์ บอกว่า ตนชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี 2525 และพร้อมเพื่อนๆ ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในปี 2544 เพื่อช่วยพรรคหาเสียง สู้กับพรรคไทยรักไทยที่กำลังโด่งดัง แต่พ้นสมาชิกภาพไปเมื่อปี 2562ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 และไม่ได้สมัครใหม่อีกเลย เพราะเห็นว่าพรรคไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกพรรคเท่าใด จึงไม่ได้สมัครใหม่ เดิมตนเองเชื่อมั่นและศรัทธาต่ออุดมการณ์ของพรรคเป็นอย่างมาก เพราะฟังเสียงและทำประโยชน์เพื่อแก่ประชาชน ต่อสู้กับเผด็จการ ต่อสู้กับการซื้อเสียง ต่อสู้กับระบอบทุนนิยม ต่อสู้กับธุรกิจการเมือง แต่สุดท้ายแล้วอุดมการณ์เปลี่ยนไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย ทำให้รู้สึกผิดหวังอย่างมากว่านักการเมืองพึ่งไม่ได้
หากพรรคประชาธิปัตย์อยากกลับมาเป็นที่นิยมของประชาชน จะต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ฟังเสียงและให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่าเล่นการเมือง ถ้าอยากกลับไปเป็นสถาบันการเมืองจะต้องค้นหาตัวเองให้เจอ รู้ความต้องการของประชาชนมีวิสัยทัศน์รักษาอุดมการณ์เดิมของพรรคในการนำพาประเทศชาติ และประชาชนมีแนวทางในการแก้ปัญหาให้แก่ประชาชนทั้งเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง หนี้สินภาคครัวเรือน เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาได้
Advertisement