ชาวศรีสะเกษบุกทำเนียบ ร้องนายกฯเร่งเยียวยาผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บเหตุปะทะ
ชาวศรีสะเกษบุกทำเนียบ ร้องนายกฯเร่งเยียวยาผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บและเดือดร้อนจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา บางครอบครัวอพยพอยู่ในศูนย์ไม่มีรายได้เลี้ยงชีพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (4 สิงหาคม 2568) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 มีตัวแทนประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 5 คน นำโดยนางสาวอภิญญา พลแก้ว ผู้ใหญ่บ้านห้วยตึ๊กชู หมู่ 12 จ.ศรีสะเกษ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดการพิจารณาเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่ประชาชนในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษที่มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และต้องอพยพหลบภัยความรุนแรงมากกว่า 350,000 คน
ทั้งนี้ ตัวแทนกลุ่มระบุว่าแม้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร และรองนายกรัฐมนตรี ประเสริฐ จันทรรวงทอง จะได้เริ่มดำเนินการช่วยเหลือเบื้องต้น เช่น มอบเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 1 ล้านบาท รวม 9 ราย เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ยังมีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการในประเด็นอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การเยียวยาผู้บาดเจ็บ ผู้ได้รับผลกระทบด้านจิตใจ ความเสียหายต่อทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตร รวมถึงรายได้ที่สูญเสียจากการต้องอพยพหลบภัย
โดยนายสมคิด กล่าวว่า วันนี้มีตัวแทนของชาวจังหวัดศรีสะเกษมาจาก อำเภอภูสิงห์และอำเภอขุนหาญ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งก็เป็นตัวแทนผู้ใหญ่บ้าน และผู้ประสานงาน มาเล่าให้ตนฟังเรื่องความเดือดร้อนจริง ๆ และอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือ
ด้านนางอภิญญา กล่าวว่า วันนี้มาในนามของอำเภอภูสิงห์ เนื่องจากสถานการณ์ไม่สงบของไทย-กัมพูชา จึงอยากจะมาขอให้รัฐบาลดูแลพ่อแม่พี่น้อง เยียวยาให้กับพ่อแม่พี่น้องที่ประสบภัยในวันนั้น วันที่อพยพ ซึ่งจะมีหลาย ๆ ด้านรอความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ในชุมชนของตน หรือผู้ที่อพยพไปแล้วก็มีผู้ดูแลและศูนย์อพยพคอยดูแลดีอยู่ แต่ส่วนคนที่อยู่ทางบ้าน คือ ชรบ. อสม. ที่ช่วยกันสอดส่องดูแลในบ้าน บางครั้งบางทีมันเป็นเหตุฉุกเฉิน เราก็ไม่ได้มีอะไรที่จะดูแลกันได้ มีอะไรเราก็ดูแลกันไปตามประสาชาวบ้าน จึงอยากให้รัฐบาลได้ช่วยเยียวยาอย่างเร่งด่วน
นายสมคิด กล่าวต่อว่า เบื้องต้นเท่าที่คุยกัน บังเอิญตนได้ไปช่องอานม้า อำเภอโดมประดิษฐ์ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของตนตั้งแต่วันเกิดเหตุ ได้ไปคุยกับชรบ. จำนวน 120 คน เกี่ยวกับเรื่องเฟคนิวส์ต่าง ๆ ได้อธิบายให้เขารับรู้ และเรื่องความเดือดร้อน ตอนนี้หลังจากอพยพ ทางบ้าน บางครอบครัวสัตว์ที่เลี้ยงไว้หาย ส่วนผู้เสียชีวิตหลาย ๆ คน รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลืออยู่แล้ว เข้าใจว่าพรุ่งนี้จะเอาเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนตัวเลขนั้น ตนไม่ทราบ แต่เบื้องต้นสำนักนายกรัฐมนตรีมีเงินให้ผู้เสียชีวิตอยู่แล้ว เป็นเงินกองทุนซึ่งสำนักนายกฯ ได้จ่ายไปแล้วหนึ่งล้านบาท ส่วนผู้บาดเจ็บลดหลั่นกันมา ส่วนกรณีที่ผู้ใหญ่บ้านมาพูดคุยเรื่องของการอพยพ ซึ่งอำเภอที่ตนเองดูแลอยู่มีการอพยพ 2 อำเภอ ก็ลำบาก เพราะฉะนั้น ต้องขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนคนไทยที่บริจาคข้าวของไปเยอะ วันนี้ตนยังแจกไม่หมด ได้ไปแจกทั้งทหาร ครอบครัวผู้อพยพ วันนี้ทางคณะที่มาก็อยากให้รัฐบาลเร่งรัดการช่วยเหลือเยียวยาโดยด่วน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ชาวบ้านผู้อพยพเริ่มกลับบ้านกันแล้วหรือยัง นางอภิญญา เผยว่า เริ่มกลับแล้วเมื่อวานนี้ แต่คำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดยังไม่ให้เข้าพื้นที่ โดยที่ชุมชนของเราออกจากบ้านไปนานไม่ได้ เป็นห่วงทางบ้าน อย่างผู้ชายอยู่คนเดียวบางครั้งบางทีอยู่กับผู้นำ ก็อยากจะกลับไปดูแล เพราะว่าตอนนี้มันจะเงียบอยู่นิดหนึ่ง และได้ฟังข่าว ณ วันที่ 4 สิงหาคมว่าจะมีการเจรจาอีกรอบ แต่ชาวบ้านก็ยังอยู่ด้วยความอกสั่นขวัญหายเหมือนเดิม เพราะไม่รู้ว่าจะดังตอนไหน ไม่รู้ว่าแนวทางที่รัฐบาลคุยออกมาจะเป็นทางไหน แต่ในฐานะที่พวกตนเป็นผู้นำหมู่บ้าน เมื่อมันมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เราก็พร้อมสนับสนุน สแตนด์บาย มีรถและพร้อมอพยพ
เมื่อถามต่อว่า ก่อนที่จะมีการปะทะวันที่ 24 กรกฎาคม คืนก่อน (23 กรกฎาคม) ได้มีการเตรียมพร้อมหรือไม่ นางอภิญญาญา เปิดเผยว่า ทางการประกาศว่าบ้านเราสถานการณ์ไม่ค่อยดี แต่ภายในวันที่ 23 กรกฎาคมฟังแค่ทางการประกาศ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม มีการปะทะ เมื่อชาวบ้านทราบว่ามีการปะทะเกิดขึ้นจริง ๆ บางคนที่มีรถก็พาครอบครัวอพยพกัน
นางอภิญญา ย้ำว่า อยากให้รัฐบาลเร่งรัดการเยียวยาในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่หรือคนที่เสียชีวิตที่ว่ามีการเยียวยาไปแล้ว ตนก็อยากให้เร่งช่วยเหลือคนที่อยู่ คนที่ขาดรายได้ ปกติชุมชนในบ้านเรา จะได้กรีดยางกันทุกวัน แต่ว่าตอนนี้พออพยพก็ไม่มีขาดรายได้ เช่น ในครอบครัวหนึ่งมีสมาชิกในครอบครัว 5 คนก็ขาดรายได้ทั้งหมด และคนแก่ ผู้หญิง ลูก ๆ ก็จะอพยพออกไป แต่คนที่อยู่ในบ้านก็จะทำอะไรไม่ได้ จึงอยากให้ทางรัฐบาลช่วยเร่งช่วยเหลือ
Advertisement
