
จากกรณีแม่หางานแพ็คสินค้าทางแอปพลิเคชั่น Tiktok แล้วสมัครงานให้ “ น้องมิว ” ลูกสาววัย 19 ปี จนทำให้ถูกหลอกไปทำงานเป็นบัญชีม้า ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา และตอนนี้ขาดการติดต่อไป 1 สัปดาห์แล้ว
วันนี้นางสาวรุ่งฤดี อายุ 38 ปี ได้เดินทางมาที่ศูนย์ประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน หรือ IMF ภาคตะวันออก เพื่อขอความช่วยเหลือจากศูนย์ฯ ให้ช่วยตามหา “ น้องมิว ” ออกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต และพากลับประเทศไทย โดยแม่ “ น้องมิว ” ยืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และไม่ได้ขายลูกให้กับขบวนการเหล่านี้ ทั้งยังบอกด้วยว่า “ แม้จะไม่มีเงิน แต่ก็จะไม่มีทางขายลูกกินเด็ดขาด ”
แม่ “ น้องมิว ” ชี้แจงถึงกรณีสมัครงานให้ลูกจนถูกหลอกไปทำงานเป็นบัญชีม้าที่ปอยเปต โดยยอมรับว่าตัวเองได้แยกทางกับสามี และไม่ได้อยู่ดูแลลูกตั้งแต่เล็ก ทั้งยังไม่ค่อยได้ติดค่อพูดคุยกันด้วย แต่เมื่อไม่นานมานี้ จู่ๆลูกสาวก็ติดต่อมาหา และขอคำปรึกษาเรื่องการเรียน เนื่องจากลูกสอบไม่ผ่านหลายวิชา ทำให้ต้องสอบซ่อม เพื่อแก้เกรด ไม่เช่นนั้นก็จะไม่จบการศึกษาชั้นปวช. ขณะที่ต่อมาทางโรงเรียนได้แจ้ง ว่ามีค่าใช้จ่ายกว่า 9 พันบาท ในการแก้เกรด แม่กับตาและญาติๆจึงได้รวบรวมกัน โอนเงินไปให้ “ น้องมิว ” ทำให้เรียนจบชั้นปวช. ออกมาได้
จากนั้นก็ได้คุยกันเรื่อยมา จนกระทั่งลูกสาวได้มาปรึกษาว่าไม่อยากไปทำงานอยู่กับพ่อของเขาที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะพ่อมีครอบครัวใหม่ กลัวจะรู้สึกอึดอัด ขณะที่ต่อมาลูกได้มาบอกว่าอยากไปทำงานที่จังหวัดชลบุรี ตัวเองจึงเล่าให้ลูกฟัง ว่า แม่กำลังหางานในแอปพลิเคชั่น Tiktok เป็นงานแพ็คสินค้า ที่โกดังสินค้าอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พร้อมถามลูกว่าสนใจงานนี้หรือไม่ ซึ่งลูกสนใจ ตัวเองจึงได้ส่งเอกสารสมัครงานให้ลูก พร้อมถามความสมัครใจ ว่า ลูกไปทำงานคนเดียวก่อนได้หรือไม่ เพราะแม่ยังติดที่ลูกชายคนเล็ก ที่ยังงอแงไม่ยอมให้แม่ไปทำงาน ตอนนั้น “ น้องมิว ” ก็ยืนยันว่า โตแล้วและสามารถไปทำงานคนเดียวได้
สำหรับเรื่องการสมัครงานของ “ น้องมิว ” นั้น ทราบว่า ก่อนจะดำเนินการ “ น้องมิว ” ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับพ่อของเขา เพื่อแจ้งรายละเอียดต่างๆ แล้ว
และ “ น้องมิว ” ก็ยืนยันที่จะไปทำงานคนเดียว โดยตัวเองไม่ได้มีการบังคับอะไร แต่ก็ยอมรับว่า ไม่เคยเช็กพิกัดสถานที่ทำงานและรายละเอียดการติดต่อบริษัท โดยรู้แค่ว่าชื่อ “ โกดังเฮียวุฒิ “ แต่ก็ไม่เคยไปและไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่
แม่ “ น้องมิว ” อ้างว่า สาเหตุที่ตัวเองไม่ส่งเอกสารสมัครงาน ทั้งที่ตั้งใจจะหางานทำเองเพราะว่างงาน หลังจากที่เคยทำงานก่อสร้างและเหล็กตกใส่เท้าจนกระดูกหัก นั้น เป็นเพราะยังไม่สะดวกที่จะเดินทางไปทำงานในช่วงเวลานี้ เนื่องจากลูกชายคนเล็กงอแงไม่ยอมให้ไป ประกอบช่วงปลายปี ตัวเองได้มีการจองที่พักไปเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ไว้ หากไปทำงานและพอถึงเวลานั้นก็จะต้องลางาน หรือ หยุดงานหลายวัน
แม่ “ น้องมิว ” บอกว่า ก่อนลูกสาวถูกหลอกไปทำงานที่ปอยเปต ได้ถูกแอดมินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปเปิดบัญชีทั้งหมด 4 บัญชี ซึ่งตัวเองยอมรับว่า เป็นคนพาลูกไปเปิดบัญชีจริง ที่อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา 2 บัญชี และที่กรุงเทพฯ อีก 2 บัญชี โดยตอนนั้นไม่รู้ว่าถูกหลอก และได้ทำตามขั้นตอนที่แอดมินบอกทุกอย่าง
ส่วนหลังจากที่ ” น้องมิว “ ถูกหลอกข้ามไปทำงานที่ปอยเปตแล้ว ตัวเองได้พยายามติดต่อไปหาแอดมิน ชื่อ แพรเพื่อให้ตามเอาตัวลูกสาวมาคืนที่ฝั่งไทย แต่แอดมิน ชื่อ แพร พยายามบ่ายเบี่ยง ทำนองว่า ยังไม่ได้รับน้องมิวเลย , ติดต่อ น้องมิว ไม่ได้
และเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา แอดมินก็ได้บล็อกคอนแทคของแม่ไป ทำให้พูดคุยติดต่อกันไม่ได้อีก
แม่ “ น้องมิว ” น้ำตาซึม ฝากบอกถึงลูกสาว ว่า “ ได้แต่ภาวนาขอให้ลูกกลับมาไวๆ และกลับมาได้อย่างปลอดภัย แม่รักลูกมาก ”
ส่วนล่าสุดลูกสาวได้ใช้เบอร์โทรศัพท์แปลกๆ ลักษณะคล้ายเบอร์โทรที่ต่างประเทศ โทรมาหา แต่ตัวเองไม่ได้รับสาย เพราะกำลังพูดคุยกับตำรวจภูธรจันทบุรี ที่มาสอบถามข้อมูลเรื่องที่ลูกสาวหลอกไปทำงาน และพอโทรกลับไปก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว
Advertisement