พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 และอดีตที่ปรึกษาแม่ทัพภาคที่ 1 เปิดเผยถึงกรณีการประชุม GBC JBC RBC เกิดขึ้นมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยตกลงกันได้เพราะไทยกับกัมพูชาใช้หลักฐานอ้างอิงแผนที่มาตราส่วนคนละแบบกัน ประเทศไทยใช้มาตราส่วน 1:50,000 ตามหลักสากล ในขณะที่กัมพูชาใช้มาตราส่วน 1:200,000 ดังนั้นการพูดคุยเจรจาในวันพรุ่งนี้เป็นเรื่องที่เสียเวลา เพราะสุดท้ายก็จะจบลงเหมือนเดิม
ขณะเดียวกันตนมองว่าควรจะยกเลิก MOU43 และ MOU44 เพราะว่ามันมีการใช้บันทึกความเข้าใจนี้มา 24 ปีแล้ว แต่ความขัดแย้งมีแต่จะรุนแรงขึ้น ซึ่งก็ต้องยกเลิกไปก่อน แล้วค่อยมาคุยกันว่าควรจะใช้เอกสารหลักฐานรวมถึงกฎกติกาข้อบังคับที่เป็นสากลของโลก ซึ่งการยกเลิกบันทึกความเข้าใจนี้สามารถจะทำได้เลย โดยเราทำหนังสือจากกระทรวงการต่างประเทศไปก็จบแล้ว เพราะว่า MOU ไม่ได้มีผลทางกฎหมาย
สำหรับการพูดคุยในวันพรุ่งนี้ เป็นการคุยเรื่องเดิมๆที่คุยมานานแล้วมันก็ไม่จบ คุยกันไปกี่ครั้ง เขาก็ยิงเหมือนเดิม ตนมองว่าการที่จะเข้าไปพูดคุยเจรจาครั้งนี้ มันเป็นการซื้อและต่อเวลาให้กับทางกัมพูชามากกว่า หลังจากนี้ตนก็เชื่อว่าน่าจะเกิดการปะทะกันอีก เพราะว่าเขายังไม่บรรลุเป้าหมาย
ตอนนี้เท่าที่ทราบ ทางกัมพูชาเคลื่อนกำลังพลเข้ามาบริเวณประสาทตาควายผิดปกติ มีการใช้รถถังเข้ามา เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเตรียมการในการที่จะต่อสู้กับเขา
ส่วนกรณีปราสาทตาควาย ที่ตอนแรกทหารมีการระบุออกมาว่า จริงๆแล้วสามารถที่จะยึดได้หรือไม่นัั้น พลเอกรังษี ระบุว่า ที่เรายึดได้คือยึดได้ในพื้นที่มาตรา 1:50,000
ซึ่งตอนนี้เราสามารถจะยึดพื้นที่ได้ทั้งหมดแล้ว ตามมาตราส่วนดังกล่าว แต่เราจะไม่ทำเหมือนกับกัมพูชาที่พูดอย่างทำอย่าง โดยการบุกเข้าไป ยึดพื้นที่ตามมาตราส่วน 1:200,000
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีการให้ถอยกำลังนั้น พลเอกรังษี ระบุว่า ผมพูดมาตั้งแต่ตอนแรก ในตอนที่มีการปะทะ ในตอนแรกๆมันผิดปกติ เพราะฝ่ายหนึ่งทั้งด่าและยิงและประณามเราในเวทีโลก ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายหนึ่งต้องการเจรจาด้วยสันติ ซึ่งมันแปลก
สำหรับตอนนี้ จุดที่บริเวณประสาทตาควายถือว่าเป็นจุดสำคัญ ทำให้ทางกัมพูชาเพิ่มเติมกำลังเข้ามาเป็นจำนวนมาก และคงจะหลีกเลี่ยงการประทะไม่ได้ ส่วนที่กัมพูชามองว่าเป็นจุด ก็น่าจะเป็นจุดที่เขาคิดว่ามันมีโอกาสที่จะชนะสูงมากกว่าจุดอื่นๆ ซึ่งในมุมมองตนคิดว่าเวลาที่ตนจะรบกับใคร ก็ต้องวิเคราะห์ว่าพื้นที่นี้ตนสู้ได้หรือไม่ ทั้งในเรื่องของภูมิประเทศและความชำนาญในพื้นที่
ส่วนที่ว่าหากเราสูญเสียประสาทรับควายไปจะเสียหายอะไรหรือไม่นั้น ตนมองว่าด้วยศักยภาพของกองทัพไทย มั่นใจ ว่ากัมพูชาทำอะไรเราไม่ได้ เพราะตลอดระยะเวลาที่สู้กันมา 5 วัน กัมพูชาแพ้หลุดรุ่ย ตอนนี้ศพเกลื่อนไปหมดและยังไม่ได้มีการเก็บศพด้วย
ในขณะเดียวกันที่มีข่าวการตามหา ทหารที่ลือกันว่าเป็นนับพันรายจากคนในครอบครัวของทหารกัมพูชาเอง ตนมองว่าส่วนหนึ่งก็น่าจะมีการหนีทัพด้วย เพราะในการรบครั้งนี้ทางกัมพูชาเองไม่ได้มีความพร้อมทั้งในเรื่องของอาวุธและความสามารถ แต่เค้าต้องการเปิดการปะทะเพื่อที่จะนำไปสู่โต๊ะการเจรจา แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเค้าสู้เราไม่ได้ แต่เค้าได้วางพล็อตเรื่องไว้แบบนี้
ที่ผ่านมากัมพูชาทำตามแผนได้หมด และดึงมหาอำนาจเข้ามา แต่เขาประเมินศักยภาพของกองทัพไทยต่ำไป จึงไม่สามารถที่จะยึดเอาพื้นที่ที่ต้องการมาต่อรองได้ เรื่องราวจึงหลุดไปจากพล็อตเรื่องที่เขาวางไว้ จึงทำให้ฮุนเซน ต้องทำทุกทาง แม้กระทั่งการหักหลังจีน แต่ฮุนเซนเป็นคนที่ถ้าผิดแผนแล้วเค้าจะปรับแผน เป็นคนที่ยึดอัตตาตนเอง จะยอมทำอะไรก็ได้เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายที่เค้าวางเอาไว้
ในขณะนี้ทางกัมพูชาเองมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและเป็นหนี้ประเทศจีนมหาศาล เพื่อที่จะสร้างท่าเรือและ สาธารณูปโภคหลายอย่างในประเทศ ในขณะเดียวกันทางสหรัฐเองคงไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือกัมพูชาอะไรมากมาย ดังจะเห็นได้จากหลายๆครั้งที่บทเขาจะทิ้งเขาก็ทิ้ง เรื่องนี้ถือว่าทางฮุนเซน พลาดอย่างหนัก
Advertisement