อังเคิลฮุนเซนปลื้ม! คอลัมนิสต์เขมรชูผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 500 ปี
อังเคิลปลื้ม! คอลัมนิสต์เขมรชูผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 500 ปี นับจากยุคนครวัด โต้ นิด้าโพล หลังเผยผลสำรวจสะท้อนความคิดเชิงลบของคนไทยต่อฮุนเซน
วันที่ 9 ก.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจที่สะท้อนความคิดเชิงลบของคนไทยส่วนใหญ่ต่อ สมเด็จฯ ฮุน เซนนั้น เว็บไซต์ข่าว Fresh News ของกัมพูชา ได้เผยแพร่บทความที่มีชื่อว่า “ประเทศไทยให้ความสำคัญกับ สมเด็จเดโช ฮุน เซนอย่างมาก” เขียนโดยผู้ใช้ชื่อว่า “ศาสตราจารย์ วงษ์ มกรา” มีเนื้อหาดังนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
การสำรวจที่สถาบัน NIDA ของไทยจัดทำขึ้น เพื่อวัดความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อสมเด็จฯ ฮุน เซน ของกัมพูชาเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าประเทศไทยให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับผู้นำผู้ทรงอำนาจแห่งกัมพูชาเป็นอย่างมาก เป็นเรื่องน่าสังเกตว่าการทำการสำรวจระดับชาติในหมู่ประชาชนของประเทศหนึ่งเกี่ยวกับผู้นำของอีกประเทศหนึ่งนั้น เป็นเรื่องที่หายากมาก เพราะโดยทั่วไปไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น แต่เป็นเรื่องแปลกที่ประเทศไทยสามารถทำเช่นนั้นได้
เหตุการณ์นี้พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้นำ นักการเมือง และประชาชนชาวไทยให้ความสำคัญกับ สมเด็จฯ ฮุน เซนของกัมพูชาเป็นอย่างมาก เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
ประการแรก ประวัติศาสตร์กัมพูชาในอดีตแสดงให้เห็นว่าสยามมักจะยืมมือนักการเมืองเขมรเพื่อต่อสู้กันเอง และสยามมักต้องการประโยชน์จากเขมร แต่กัมพูชาในสมัย สมเด็จฯ ฮุน เซน -สมเด็จธิบดีฮุน มาเนต เป็นช่วงเวลาเดียวที่ทำให้สยามเกรงกลัวภายใต้อิทธิพลของผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของกัมพูชาตลอด 500 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่สมัยพระนคร
ประการที่สอง สมเด็จฯ ฮุน เซน ซึ่งชาวกัมพูชาถือว่าเป็นนักการเมืองในใจ ได้เสียสละเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง เป็นผู้นำที่ยุติสงครามกลางเมืองที่กินเวลานานเกือบ 30 ปี และดึงประเทศและประชาชนกัมพูชาออกจากหลุมมรณะ และเปลี่ยนประเทศจากกองเถ้าถ่านให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเมื่อเทียบกับตอนที่ลงจากตำแหน่ง ไม่เพียงเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำที่มีประสบการณ์ซึ่งได้รับการยอมรับ ชื่นชม และเคารพจากประเทศในภูมิภาค
ประการที่สาม ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ทางการทหาร การต่อสู้ทางการเมืองภายใน หรือการต่อสู้ทางการทูต สมเด็จฯ ฮุน เซนได้ผ่านทุกวิถีทางของชีวิตและทุกขั้นตอน และประสบความสำเร็จ ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะยากลำบากและอันตรายเพียงใดก็ตาม ในกรณีพิพาทชายแดนกับไทย รัฐบาลกัมพูชานำโดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และประธานวุฒิสภาเดโชฮุนเซน ได้ใช้มาตรการตอบโต้อย่างมีประสิทธิผล ซึ่งทำให้ไทยประหลาดใจ และตะลึงงัน
ประการที่สี่ สมเด็จฯ ฮุน เซนเป็นผู้นำกัมพูชาที่รู้จักนักการเมืองไทยและประเทศไทยเป็นอย่างดี และทุกคำพูดของเขาสามารถทำให้บรรดานักการเมืองระดับสูงของไทยหวั่นไหวได้ ถึงขนาดที่บางคนกล้าอ้างว่า สมเด็จฯ ฮุน เซนกำลังแทรกแซงกิจการภายในของไทย ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเพราะพวกเขาตระหนักถึงอิทธิพลอันทรงพลังของสมเด็จฯ ฮุน เซนเอง ที่จริงแล้วสิ่งที่ผู้นำกัมพูชากล่าวอ้างนั้นเป็นเพียงการตอบโต้เพื่อปกป้องกัมพูชาจากการรุกราน
ประการที่ห้า สมเด็จฯ ฮุน เซนกล้าที่จะทำนายการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีภายในสามเดือนข้างหน้า และเปิดเผยล่วงหน้าว่ารู้แล้วว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ การคาดการณ์ที่ชัดเจนเหล่านี้ทำให้สังคมไทยทั้งประเทศรู้สึกไม่สบายใจเพราะคำพูดที่ทรงพลังและแม่นยำของผู้นำกัมพูชา ซึ่งทำให้ประเทศไทยตระหนักถึงอิทธิพลและการเมืองที่หยั่งรากลึกของผู้นำกัมพูชามากยิ่งขึ้น
นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลไทยตัดสินใจทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสมเด็จฯ ฮุน เซนซึ่งดูเหมือนจะเป็นความพยายามลดทอนอิทธิพลของ สมเด็จฯ ฮุน เซนในความคิดของประชาชนลงไป แต่ในทางกลับกัน นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นวิธีการที่ประเทศไทยจะสร้างราคาให้ตัวเองมากกว่า เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของผู้นำกัมพูชา ทำให้ประเทศไทยต้องจัดทำการสำรวจความคิดเห็นภายในประเทศ ซึ่งไม่ควรทำเลย
ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ผู้นำกัมพูชาทำเพื่อต่อต้านการรุกรานของไทยนั้นถูกต้อง ซึ่งทำให้คนไทยบางส่วนไม่พอใจ แต่ชาวกัมพูชาก็มีความสุขและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี อันที่จริง การสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดยสถาบัน Asia Vision (AVI) แสดงให้เห็นว่าชาวกัมพูชาเกือบ 100% สนับสนุนการกระทำของรัฐบาลในข้อพิพาทชายแดนกับไทย โดยเฉพาะการนำพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยรวมแล้ว ผลการสำรวจในกัมพูชาและไทยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน เป็นผู้นำกัมพูชาที่เข้มแข็งและได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากประชาชนของเขา ในขณะที่สังคมไทยแตกแยกและสับสนมาก จนกล้าที่จะจัดการสำรวจความคิดเห็นที่ไม่ควรทำ นั่นหมายความว่าประเทศไทยมัวแต่คิดถึงอิทธิพลของสมเด็จเตโชฮุนเซนจนลืมนึกถึงปัญหาภายในของตนเอง นี่ไม่ใช่คุณค่าสูงสุดที่ประเทศไทยมอบให้กับ สมเด็จฯ ฮุน เซนหรือ?
ทั้งนี้ เป็นที่ชัดเจนว่า บทความชิ้นนี้มีเจตนาตอบโต้ “นิด้าโพล” ที่เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของคนไทยที่มีต่อ สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 68 พบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีความเห็นเชิงลบต่อ สมเด็จฯ ฮุน เซน อย่างมาก เช่น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 67.63 ระบุว่า สมเด็จฯ ฮุน เซนทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง รองลงมา ร้อยละ 57.25 ระบุว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน เป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ ร้อยละ 44.66 ระบุว่าคำพูดของ สมเด็จฯ ฮุน เซนไม่มีความน่าเชื่อถือ ร้อยละ 40.53 ระบุว่า สมเด็จฯ ฮุน เซนกำลังยุให้คนไทยแตกแยกกัน ร้อยละ 25.34 ระบุว่า สมเด็จฯ ฮุน เซนต้องการยึดครองดินแดนของไทย ร้อยละ 18.85 ระบุว่า สมเด็จฯ ฮุน เซนกำลังแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนต่อคำทำนายของ สมเด็จฯ ฮุน เซนที่บอกว่าประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีภายใน 3 เดือนและรู้ด้วยว่าใครจะเป็นนายกฯ พบว่าตัวอย่างร้อยละ 43.05 ระบุว่าไม่น่าเชื่อ รองลงมาร้อยละ 34.12 ระบุว่า สมเด็จฯ ฮุน เซนทำนายมั่วๆ ร้อยละ 33.97 ระบุว่าเป็นความพยายามยุให้คนไทยตีกัน ร้อยละ 30.31 ระบุว่าการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเป็นไปได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าใครจะได้เป็นนายกฯ ร้อยละ 25.34 ระบุว่าเป็นการวิเคราะห์ตามสถานการณ์ทางการเมืองไทย ร้อยละ 19.01 ระบุว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย เป็นต้น
Advertisement
