ชาวบ้านแสง์ปลื้มปีติ ในหลวงร.9-สมเด็จพระพันปีหลวงเสด็จเยี่ยมเยือนราษฎร
ชาวบ้านแสง์ปลื้มปีติ ในหลวงร.9-สมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จเยี่ยมเยือนราษฎร ยายวัย 63 ปี เล่าความประทับใจ พระองค์ท่านทรงตรัสถามประชาชนด้วยความเป็นห่วง
วันที่ 25 ต.ค. 68 ทีมข่าว “อมรินทร์ทีวี” เดินทางไปที่บ้านแส์ง ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินลงพื้นที่ในปี 2513 และปี 2514 พร้อมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่9 เพื่อเยี่ยมเยือนพสกนิกรในพื้นที่ เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งบริเวณที่ตั้งของฐานตำรวจตระเวนชายแดนที่ 210 อยู่ในหมู่บ้านแส์ง ยังคงมีแผ่นหินศิลา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ลงพระปรมาภิไธยไว้ทั้ง 2 ครั้ง เมื่อคราวเสด็จ รวมถึงภาพเหตุการณ์ความประทับใจระหว่างที่ทั้งสองพระองค์ลงพื้นที่ไปเยี่ยมเยือนพสกนิกร ได้นำมาจัดแสดงไว้ภายในฐานที่ตั้ง ตชด.210
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาพูดคุยกับ นายเร็ม ดีจรัส อายุ 81 ปี ชาวบ้านแสง์ ได้เล่าถึงความประทับใจที่ได้เข้าเฝ้ารับเสด็จ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จมาเยี่ยมเยือนราษฎรเมื่อปี พ.ศ.2513 และ พ.ศ. 2514 ว่า ในวันนั้นหลังทราบข่าวว่า ในหลวง ร.9 เสด็จมาเยี่ยมเยือนราษฎรพร้อม สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตนเองตอนนั้นอายุประมาณ 26 ปี ก็ได้ไปเฝ้ารับเสด็จด้วย แต่ไม่ได้สามารถเข้าไปใกล้ได้ เพราะคนมาเฝ้ารับเสด็จทั้งตำบล จึงทำให้เห็นพระองค์อยู่ไกลๆ โดยพระองค์มีสิริโฉมที่งดงามมาก
นายเร็ม บอกว่า ในวันนั้นแม้ตนจะไม่ได้เข้าเฝ้ารับเสด็จใกล้พระองค์ แต่นายเรือง ดีจรัส พี่ชายของตนเอง พร้อมชาวบ้านอีก 1 คนได้เข้าเฝ้าทูลเกล้าขอให้พระองค์ช่วยสร้างอุโบสถ ศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านแสง์ ซึ่งพระองค์ก็รับสั่งให้เจ้าหน้าที่ช่วยชาวบ้านสร้างจนแล้วเสร็จ แต่หลังสร้างเสร็จพระองค์ว่าจะเสด็จมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง แต่ก็เกิดสงครามเขมรแดง จึงทำให้พระองค์ไม่ได้เสด็จกลับมาเยือนเป็นรอบที่3 ยังความปลื้มปิติมาแก่ครอบครัวอย่างหาที่สุดไม่ได้
นอกจากนี้นายเร็ม ยังบอกอีกว่า หลังทราบข่าวพระองค์สวรรคต ก็ทำให้ตนเองรู้สึกใจหาย และยังคิดว่าไม่เป็นความจริงจนตนเองต้องไปดูข่าว ทั้งนี้ครอบครัวจะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
นอกจากนี้ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสายหยุด อินทร์ประสงค์ อายุ 63 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ปี 2513 ตนยังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้เป็นตัวแทนนักเรียนในการเฝ้ารับเสด็จ แม้ตอนนั้นจะอายุเพียงแค่ 7 ขวบแต่จำความได้แม่น โดยก่อนที่ทั้งสองพระองค์จะเสด็จมา ชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างปรัมพิธี เพื่อรอรับเสด็จ โดยใช้ทางมะพร้าวมุงเป็นหลังคา
กระทั่งวันที่ 21 พ.ย.2513 ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จมาที่ฐานตำรวจตระเวนชายแดนที่ 210 เพื่อเยี่ยมราษฎร ซึ่งก็เป็นหนึ่งในนักเรียนที่ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่าน โดย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตรัสถามถึง ความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลความเจริญ
ขณะเดียวกัน ตนก็ได้มีโอกาสถวาย มันเทศ ใส่ในกระเช้าจักสาน ถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีภาพถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ส่วนในปี 2514 ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จมาอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้สั่งการให้ ร.ต.อ สวง โอฬารวัตร ผู้บังคับหมวดตำรวจตระเวนชายแดนที่ 210 ประจำหมู่บ้านแส์ง ในสมัยนั้น สร้างโบสถ์ประจำวัดทัพเสด็จ ตามคำกราบบังคมทูลของชาวบ้าน จากเดิมที่เป็นพระอุโบสถไม้เก่าแก่ เปลี่ยนเป็นโบสถ์ที่สร้างด้วยปูน
ซึ่งปัจจุบันนี้โบสถ์ของวัดทัพเสด็จ เสร็จสิ้นสมบูรณ์สวยงาม และบริเวณด้านหน้าโบสถ์ ยังมีการนำ พระราชดำรัส ที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงตรัสกับ ร.ต.อ สวง โอฬารวัตร ผู้บังคับหมวดตำรวจตระเวนชายแดนที่ 210 ประจำหมู่บ้านแส์ง ในสมัยนั้น ในการจัดสร้างโบสถ์ มาจัดแสดงไว้บริเวณด้านหน้า เพื่อบ่งบอกความเป็นมาของโบสถ์หลังนี้ ว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานในการสร้างขึ้นมา
Advertisement
