วันที่ 1 ก.ค. 68 ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ร่วมกันแถลงข่าวท่าทีการชุมนุมต่อจากนี้ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์รับคำร้อง สว.ที่ยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สืบจากคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จ ฮุน เซน ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญ มติ 7 ต่อ 2 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯชั่วคราว พร้อมกับยืนยัน 3 ข้อเรียกร้องหลัก คือ นายกฯต้องลาออก พรรคร่วมรัฐบาลต้องถอนตัว และปกป้องอธิปไตย
นาย จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย เปิดเผยว่า การชุมนุมที่ผ่านมา ประชาชนมาร่วมด้วยตัวเอง ไม่มีการจัดตั้ง โดยก่อนการชุมนุม ยังมีการกล่าวหาว่าชุมนุมเป็นการปูทางให้การรัฐประหาร ซึ่งตนและแกนนำได้แถลงชัดเจนว่า ไม่เอารัฐประหาร มีข้อเรียกร้องเพียง 3 ข้อ เท่านั้น คือนายกฯ ต้องลาออก พรรคร่วมรัฐบาลต้องถอนตัว และปกป้องอธิปไตยของชาติ
โดยนายจตุพร ยังกล่าวถึงพรรคประชาชนไม่เห็นด้วยกับการที่ประธานสมาชิกวุฒิสภา ยื่นเรื่องร้องเรียนไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงที่พรรคภูมิใจไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ในประเด็นเรื่องความมั่นคงของชาติ กรณีคลิปเสียงหลุดและพฤติกรรมต่างๆ แต่จนถึงตอนนี้พรรคประชาชนยังไม่เห็นชอบ จึงอยากถามว่าพรรคประชาชนเป็นฝ่ายไหนกันแน่ เพราะการที่ประชาชนออกมาชุมนุมเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก พรรคประชาชนกลับเรียกร้องให้ประชาชนถอนตัวจากการชุมนุม จึงอยากให้ไปทบทวนให้ดี อย่าใส่ความว่าประชาชนเรียกร้องรัฐประหาร
ส่วนทิศทางการชุมนุมหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ รวมถึงเวทีต่างจังหวัดจะเลือกจังหวัดที่มีความพร้อม อาทิ สามารถรวบรวมประชาชนได้ หรือในระหว่างนี้หากเกิดสถานการณ์ฉับพลันใน กทม.ก็จะแถลงข่าวและนัดหมายกันเป็นระยะ ส่วนเวทีใหญ่คาดว่าจะจัดอีกครั้งกลางเดือน ส.ค.นี้
ด้านนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. สรุปรายละเอียดกิจกรรมชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า ในภาพรวมถือว่าเป็นการแสดงพลังที่มีคุณค่าต่อประเทศไทย ที่ประชาชนนำธงชาติไทยมาโบกสะบัดและร้องเพลงชาติไทยไปพร้อมๆ กัน ส่วนการรักษาความปลอดภัยก็เป็นไปได้ดี งานชุมนุมในวันดังกล่าวจึงถือเป็นการรวมพลังแผ่นดินครั้งใหญ่ของประชาชนทุกภาคส่วน ส่วนครั้งต่อไปกิจกรรมจะเข้มข้นขึ้น และจะพยายามจัดเวทีให้ครบทุกภูมิภาค
Advertisement