Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ตู่ จตุพร บอกตามประเพณีการปกครองบ้านเมือง "ภูมิธรรม"พ้นจากตำแหน่งแล้ว

ตู่ จตุพร บอกตามประเพณีการปกครองบ้านเมือง "ภูมิธรรม"พ้นจากตำแหน่งแล้ว

3 ก.ย. 68
21:58 น.
แชร์

ตู่ จตุพร บอกตามประเพณีการปกครองบ้านเมือง "ภูมิธรรม" พ้นจากตำแหน่งแล้ว ยื่นยุบสภา เหมือนทำเกินหน้าที่ของกฎหมาย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย วันนี้ให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวีถึงกรณีที่ “นายภูมิธรรม” รักษาการนายกรัฐมนตรียื่นยุบสภา มองว่าจริงๆแล้วไม่แปลกใจ เพราะได้มีการประกาศชัดเจนมาตั้งแต่ต้น ว่าถ้าพรรคประชาชนไม่เลือกจับมือกับพรรคเพื่อไทย ก็จะทำการยุบสภา และเหตุผลนึงที่พรรคประชาชนไม่เลือกจับมือกับพรรคเพื่อไทย ส่วนตัวมองว่าการเข้าไปเจรจาที่พรรคประชาชนก่อนหน้านี้ แม้จะเป็นการเจรจาเงื่อนไขในข้อเดียวกันกับพรรคภูมิใจไทย แต่พรรคเพื่อไทยดันมีการออกมาประกาศมาตรการข่มขู่ว่าจะยุบสภา หากไม่ยอมจับมือด้วย

แล้วเมื่อวานนี้ พรรคประชาชนมีการแสดงท่าทีว่าจะจับมือกับพรรคภูมิใจไทย ก็เลยทำให้ นายภูมิธรรม เริ่มกระบวนการการยุบสภาทันที เรียกง่ายๆว่า "ถ้าข้าไม่ได้ เอ็งก็ต้องไม่ได้"

ส่วนเรื่องอำนาจของ “นายภูมิธรรม” ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีว่าสามารถยื่นยุบสภาได้ไหม?

โดยหลักแล้ว “นายภูมิธรรม” พ้นจากตำแหน่งฯ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีผลย้อนหลัง 1 กรกฎาคม 2568 แม้ว่ากฎหมายจะไม่เขียนตรงๆว่าไม่สามารถทำได้ แต่ตามประเพณีการปกครองบ้านเมือง คนที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว จะมายื่นยุบสภา ก็เหมือนปฏิบัติหน้าที่ที่เลยความปกติที่กฎหมายกำหนด ย่อมกระทำไม่ได้อยู่แล้ว

แต่ตนเชื่อว่าที่ นายภูมิธรรม ยื่นยุบสภา เพราะได้วางเงื่อนไขกับพรรคประชาชนไว้ตั้งแต่แรกในวันเจรจาทาบทาม ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้จึงไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงพรรคที่ไม่อยากเลือกตั้งใหม่มากที่สุดนั่นคือพรรคเพื่อไทย

แล้วในประวัติศาสตร์ของไทย ยังไม่เคยมีรักษาการนายกรัฐมนตรีคนใดยื่นยุบสภา เพราะที่ผ่านมานายกฯตัวจริงเป็นผู้นำความกราบบังคมทูลยุบสภา และ มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาลงมาเสร็จสิ้นในวันเดียว ช้าสุดก็ไม่เกิน 2 วัน

ดังนั้น ณ ตอนนี้ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภา สภาก็ยังคงทำหน้าที่ตามปกติ อย่างวันนี้ในการประชุมสภา เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยยื่นให้ “นายวันนอร์” ประธานสภาบรรจุระเบียบวาระเลือกนายกรัฐมนตรี และแน่นอนว่าด้วยหน้าที่ของประธานสภาจะทำอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากบรรจุระเบียบวาระฯ แม้ว่ารองประธานสภา 2 คนจะมาจากพรรคเพื่อไทยก็ตาม แล้วตนก็คาดหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะถ้าไม่บรรจุฯ ท่านก็ต้องตอบคำถามสังคมว่าที่ไม่บรรจุเพราะใช้เหตุผลความเกรงใจและความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย แทนที่จะวางตัวเป็นกลางแล้วยึดหลักการหรือเปล่า

ถ้ายึดหลักการ “นายวันนอร์” ก็ต้องรับเรื่องแล้วบรรจุระเบียบวาระตั้งแต่วันนี้ ภายใน 3 วันก็สามารถเลือกนายกฯได้เลย เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ นั่นหมายความว่าวันศุกร์ที่ 5 สิงหาคมจะได้มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

แต่ถ้าลากให้ข้ามสัปดาห์นี้ไป อาจจะเกิดสถานการณ์โรคแทรก เพราะหลายคนอาจจะได้ยินเรื่อง “อัศวินขี่ม้าขาว” จากปากของ “นายชัยเกษม” รวมถึงถ้าวันที่ 9 สิงหาคมนี้ที่ศาลฎีกาฯ สั่ง “นายทักษิณ” ฟังคำสั่งคดีชั้น 14 ซึ่งหากผลออกมาเป็นลบ บรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วม จะไหลมาสนับสนุน นายอนุทิน จนได้เสียงเกินครึ่งโดยไม่ต้องพึ่งพรรคประชาชน แล้วก็กลายเป็นปัญหาใหม่อีก ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุให้พรรคประชาชนต้องรีบตัดสินใจจับมือกับพรรคภูมิใจไทยและเซ็นเงื่อนไขกันในเช้าวันนี้

ซึ่งกรณีการตัดสินใจของ “นายวันนอร์” ประธานสภาฯ เปรียบเทียบได้กับเมื่อยุคพฤษภาทมิฬ 2535 เมื่อ “พลเอก สุจินดา คราประยูร“ นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 19 ลาออก เนื่องจากประชาชนขับไล่ เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่คนที่ได้เสียงข้างมากจากการเลือกตั้งคือ พลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ แต่คนไทยก็ไม่สบายใจอยู่ดี ทำให้ด้านของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตรองประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอชื่อ “นายอานันท์ ปันยารชุน” เป็นนายกรัฐมนตรีแทน ด้วยการใช้ช่องว่างรอยต่อระหว่างการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของนายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง แล้วนำความกราบบังคมทูล “นายอนันท์“ เป็นนายกฯ จากนั้นเมื่อ “นายอนันท์” แถลงนโยบายเสร็จก็ยุบสภา ทำให้คนไทยไชโยโห่ร้อง จน “ดร.อาทิตย์” ได้รับฉายา "วีรบุรุษประชาธิปไตย"

และตนก็เชื่อว่า “นายวันนอร์” กำลังมองกรณีของ “ดร.อาทิตย์” เป็นต้นแบบเพื่อรักษาเกียรติภูมิ เพราะ นายวันนอร์ เป็นประธานสภาครั้งที่ 2 และเป็นรองนายกรัฐมนตรีและเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่มาแล้ว ยิ่งนี่คือช่วงท้ายของชีวิต ก็ควรจะรักษาเกียรติภูมิของระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย ด้วยการทำให้การยื่นยุบสภาของนายภูมิธรรม เปรียบเสมือนคำบอกเล่า ไม่ได้มีอำนาจจริง

หรือหากกรณีที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาลงมาแล้ว ก็ยังมีช่องว่างให้ยื่นวินิจฉัยว่าผู้คุ้มครองชั่วคราวมีอำนาจหรือไม่ ซึ่งผู้รับสนองพระบรมราชโองการคือผู้รับผิดชอบ ในที่นี่หมายถึง “นายภูมิธรรม” ซึ่งผลอาจจะเป็นให้เป็นโมฆะ หรือไม่ก็จะกลายเป็นเกมยาวที่ไม่จบง่ายๆ

ส่วนกรณีที่ “นายศุภชัย ใจสมุทร” จากภูมิใจไทย ไปแจ้งความ “นายภูมิธรรม” ที่ สน.ดุสิต รวมถึงพรรคประชาธิปไตยใหม่ไปแจ้งความที่สอบสวนกลาง เกี่ยวกับมาตรา 157 และ 112 เพราะฉะนั้นแม้จะไม่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภา แต่สภาก็ต้องคัดเลือกนายกรัฐมนตรี และประธานสภาต้องนำรายชื่อกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งนาทีนี้คือ “นายอนุทิน ชาญวีรกุล” ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้จนเสร็จสิ้นกระบวนการ เรื่องการยุบสภาก็จบโดยปริยาย

และหากพูดถึงคำว่า อัศวินขี่ม้าขาว เชื่อว่าหลายคนก็คงต้องนึกถึง “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” แต่การที่ท่านได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นองคมนตรี ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดแล้ว และไม่สามารถตัดสินใจตัวเองโดยพละการได้ แล้วลองคิดดูว่าถ้าท่านลงมาเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้พรรคเพื่อไทย มีรองนายกฯชื่อ “นายภูมิธรรม” มีเลขานายกฯชื่อ “นายพรหมินทร์” ท่านจะมาให้เปลืองตัวหรือเปล่า?

ทั้งนี้เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชน ด้านของ “นายจตุพร” บอกว่ามวลชนซีกของรวมพลังแผ่นดินฯยังไม่ได้มีการปรึกษาหารือเพราะมองว่าสถานการณ์ยังไม่จำเป็น แต่มวลชนที่ต้องร้อนรน นั่นคือมวลชนของพรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่ได้อยู่ในกลุ่มของรวมพลังแผ่นดินฯอีกแล้ว

นอกจากนี้ “นายจตุพร” ยังบอกอีกว่าในฐานะที่ตัวเองเคยเป็นประธาน นปช. ก็เห็นได้ชัดเจนว่าความเสื่อมของพรรคเพื่อไทยได้บังเกิดตั้งแต่ “นายทักษิณ” กลับมาประเทศไทยเมื่อ 2 ปีก่อน ทั้งการเตรียมอพยพออกของ สส. เพราะไม่สามารถแบกรับปัญหาสถานการณ์ไทย-กัมพูชาได้ไหว

ดังนั้นแล้วการรวมตัวของมวลชนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ยกตัวอย่างกรณี “นายทักษิณ” ประกาศยุบสภา และจบลงที่รัฐประหาร เลือกตั้งไม่สำเร็จ ต่อมา “นางสาวยิ่งลักษณ์” ประกาศยุบสภา จบลงด้วยการเลือกตั้งไม่สำเร็จและเกิดรัฐประหาร แล้วก็เคยเตือนพรรคเพื่อไทยแล้วว่า “อย่าสะดุดหินก้อนเดิมจนหัวขมำ” แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดได้ว่าครั้งนี้จะจบลงแบบเดิมหรือเปล่า เพราะการที่ “นายภูมิธรรม” ออกมายื่นยุบสภา “เป็นเจตนาที่เห็นแก่ตัว”

ส่วนถ้าถามว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นการเดินเกมผิดพลาดของ “นายทักษิณ” หรือไม่? “นายจตุพร” บอกว่า “เป็นความผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะ “นายทักษิณ” กลับมาประเทศไทย มือซ้ายก็นายทุนพลังงาน มือขวาก็ผู้กอง แต่ตอนนี้ไม่รู้ 2 คนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว เพราะรับไม่ได้ ดังนั้น “นายทักษิณ” เปรียบเสมือนวัดหลายวันที่เป็นข่าวช่วงก่อนหน้านี้คือ “คนอยู่ใกล้ไม่กล้าตักบาตร แต่คนอยู่ไกล ไม่รู้จัก ก็ยังกล้าไปทำบุญ”

ถ้า “นายทักษิณ” ทำตามคำมั่นที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน วันนี้สถานการณ์ก็จะไม่เป็นแบบนี้ และแทนที่จะกลับมาปกติสุข ก็ต้องกลับไปอยู่ในที่หนักกว่าเดิม

ส่วนระยะเวลา 4 เดือนที่อยู่ในเงื่อนไขระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยนั้น มันก็เป็นประโยชน์กับทั้งคู่ เพราะพรรคประชาชนอยากจะเลือกตั้งใหม่อยู่แล้ว ส่วนพรรคภูมิใจไทยและ “นายอนุทิน” เพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มากนัก ลดภาวะที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อเสียงนิยม

และถ้าถามว่าในช่วงเวลานี้พรรคไหนได้รับกระแสค่านิยมมากที่สุด? ด้านของ “นายจตุพร” บอกว่าตอนนี้กระแสอนุรักษ์กำลังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะการรักชาติบ้านเมือง ต่างจากเมื่อ ปี 2566 ที่คนให้ความสำคัญกับเสรีนิยม ดังนั้นตัวแทนพรรคไหนจะเป็นผู้แทนฝั่งอนุรักษ์ได้ ก็ทำต้องทำให้ประชาชนเชื่อจริงๆได้ด้วย ยกตัวอย่างกรณี “แม่ทัพกุ้ง” แม้ท่านจะยืนยันว่าจะไม่เล่นการเมือง แต่มันก็เห็นได้ชัดว่าคนไทยให้ค่านิยมกับท่านเยอะมาก

Advertisement

แชร์
ตู่ จตุพร บอกตามประเพณีการปกครองบ้านเมือง "ภูมิธรรม"พ้นจากตำแหน่งแล้ว