วันที่ 24 ก.ค. 68 บรรดาแกนนำและนักกิจกรรมทางการเมืองในนาม คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ได้จัดการแถลงข่าวเพื่อเตรียมการชุมนุมที่จะจัดขึ้นในครั้งถัดไป และประเมินทิศทางสถานการณ์ของประเทศ หลังเกิดวิกฤตการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เปิดเผยว่า จากที่ทุกคนรับทราบสถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา จนทำให้เกิดการสูญเสียของทหาร และชาวบ้าน ที่อยู่บริเวณชายแดน รวมทั้งทหารไทย 2 นายที่ถูกกับระเบิดของฝ่ายกัมพูชาที่มาวางใหม่
ทางกลุ่มยืนยันว่าไม่ให้เกิดการสู้รบกัน แต่ในเมื่อสถานการณ์บานปลายจนถึงขั้นเกิดการปะทะกัน ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มก็เคยเรียกร้องว่า ไทยต้องแสดงมาตรการที่เข้มแข็งมากกว่านี้ แต่ปัญหาเกิดจากรัฐบาลไทยตอนนี้ขาดความเข้มแข็งและอ่อนแอ จึงนำมาสู่สถานการณ์ที่บานปลาย
ในวันนี้ทางกลุ่มจึงหารือและเห็นร่วมกันว่า เราต้องเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนแสดงพลังสามัคคี เพื่อแสดงออกต่อการปกป้องประเทศชาติและส่งกำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่แนวหน้ากับชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน
จึงตัดสินใจที่จะจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 27 ก.ค. แต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งนอกจากจะแสดงพลังและแสดงข้อเรียกร้องของกลุ่มแล้ว ก็จะร่วมกันเปิดรับบริจาคเงิน สิ่งของ ข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคช่วยเหลือผู้ประสบภัยสงครามที่ศูนย์อพยพตามแนวชายแดน รวมทั้งส่งกำลังบำรุงกองทัพ นอกจากนี้จะประสานให้รถรับบริจาคเลือดจากสภากาชาดไทย มารับบริจาคเลือดจากผู้ชุมนุมให้ผู้บาดเจ็บตามแนวชายแดนด้วย
โดยนายพิชิตได้อ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยว่า
“คณะรวมพลังแผ่นดินได้ออกแถลงการณ์และจัดชุมนุม เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568 เรียกร้องให้
- นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ลาออกทันที
- พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที
- ให้ประชาชนคนไทยใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ ร่วมมือร่วมใจสามัคคี ลดเงื่อนไขความขัดแย้ง แสดงตนเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจ ยืนเคียงข้างทหาร ร่วมกันทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินและอำนาจ อธิปไตยของชาติอย่างกล้าหาญมั่นคงและร่วมกันปรึกษาหารือแนวทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยและประเพณีการปกครองที่เหมาะสมกับสถานการณ์และลักษณะสังคมไทย โดยยึดถือหลักศีลธรรม หลักความสุจริต หลักสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม และหลักธรรมาภิบาล
มาจนถึงวันนี้ แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฎิบัติหน้าที่แล้ว แต่ก็มิได้ลาออก ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลก็มิได้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แต่ยังคงอุปถัมภ์เอื้อประโยชน์ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน รวมถึงครอบครัว เครือญาติ และพวกพ้อง ตลอดจนดำรงความมุ่งหมาย แสวงหาผลประโยชน์จากประเทศชาติและประชาชนโดยไม่เป็นธรรม ไม่น่าเชื่อถือด้านความซื่อสัตย์สุจริตและจริยธรรมสร้างภาระแก่ประเทศชาติและประชาชนเกินความจำเป็น ผลักดันนโยบาย ออกกฏหมาย จัดทำข้อตกลงเพื่อประโยชน์ตนเองและเพื่อให้ต่างชาติ อริราชศัตรู ถือครองดินแดนแผ่นดินไทย ทำให้สูญเสียสิทธิในทรัพยากรของประเทศ อันมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยและพื้นที่นอกอาณาเขต ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฏหมายระหว่างประเทศ กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม การค้า การลงทุน ของประเทศชาติ ประชาชนคนไทยอย่างกว้างขวาง รวมถึงกระทบต่อศาสนา หลักศีลธรรมอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังเป็นชนวนเหตุสำคัญก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา จนทหารได้รับบาดเจ็บสาหัส สูญเสียขาจากกับระเบิดที่กัมพูชามาวางในแผ่นดินไทยและขยายผลในการสู้รบกันด้วยกำลังและอาวุธ ทั้งมีการโจมตีเป้าหมายที่อยู่อาศัยของประชาชนคนไทยจนประชาชน โจมตีโรงพยาบาลและสถานที่ที่ไร้เป้าหมายทางการทหาร เป็นผลให้คนไทยและเด็กเล็กเสียชีวิตทันทีหลายคนอย่างไร้มนุษยธรรม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลมาจากการจงใจดำเนินการทางการทูตที่อ่อนแอ ล้มเหลว เอื้อประโยชน์ต่อกัมพูชา มีการแทรกแซงการปฎิบัติหน้าที่ทั้งการข่าวและภารกิจไม่สนองตอบต่อยุทธศาสตร์ยุทธวิธีของกองทัพ สภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานความมั่นคง ทั้งยังมีการจัดตั้งคณะทำงานที่ซ้ำซ้อน ไร้ประสิทธิภาพ ไร้อำนาจเต็มทางกฎหมาย สร้างความสับสน เสมือนแสดงออกซึ่งเจตนาการไม่ยอมรับต่อการปฎิบัติหน้าที่ของกองทัพ สภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานความมั่นคง
คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยเห็นว่า การดำรงอยู่ของรัฐบาลสร้างความกระทบเทือนเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐในทุกมิติ รวมถึงเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ สาธารณสมบัติของแผ่นดิน กระทบต่อความไว้วางใจ ความสงบสุขเรียบร้อยของประเทศชาติ และประชาชนคนไทยอย่างรุนแรงที่สุด
คณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องธิปไตย จึงขอเรียกร้องประชาชนคนไทย ร่วมกันทำหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ อำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สนับสนุนภารกิจของกองทัพ หน่วยงานความมั่นคง ไม่ว่าด้านกฎหมายในการประกาศกฎอัยการศึกตลอดแนวชายแดนและพื้นที่จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ด้านการเงินและด้านอื่นใดด้วยความสามัคคีเต็มความสามารถ
และขอเรียกร้องให้รัฐบาล
1) ยุติการแทรกแซงกิจการภารกิจของกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงทันที
2) ยกเลิกคณะทำงานทีมไทยแลนด์ (ศก.ทบ.) และสนับสนุนดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี แนวทางนโยบายของกองทัพ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานความมั่นคง
3) ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ 2543 (MOU43) // แผนแม่บท (TOR46) บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (MOU44) // และแถลงการณ์ร่วม (JC44)
4) รัฐบาลต้องไม่เปิดโอกาสให้ต่างชาติไม่ว่าจะเป็นอเมริกา อิสราเอล ยุโรป จีน รัสเซีย หรือประเทศอื่นใด แทรกแซงสถานการณ์ รวมถึงให้หยุดการซ้อมรบกับนานาประเทศทันที
5) ให้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการณ์ประณามกัมพูชาและรายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทันที เพื่อให้สามารถใช้กำลังในการป้องกันตนเองอย่างเต็มที่โดยชอบธรรมถูกต้องตามกฎมายระหว่างประเทศ
6) ให้รัฐบาลทั้งคณะลาออกทันที
คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ขอประณามการกระทำที่รุนแรง ไร้มนุษยธรรม ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา
ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมแสดงพลังปกป้องอธิปไตย ในฐานะประชาชนคนไทยตามสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ในวันอาทิตย์ที่ 27 ก.ค. 68 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ"
Advertisement