"จตุพร" เชื่อ "ทักษิณ" อาจมีคดีงอก แนะอยู่คุกต้องทำตัวเหมือนคนตาย
"จตุพร" เชื่อ "ทักษิณ" อยู่คุกคงกินอะไรไม่ลง ต้องปล่อยวางให้มากขึ้น แนะทำตัวเหมือนคนตาย มั่นใจไม่ได้รับสิทธิพิเศษในเรือนจำ แต่อาจมีคดีงอก
วันที่ 11 ก.ย. 68 นาย จตุพร พรหมพันธุ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว “อมรินทร์ทีวี” ถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของนาย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีว่า นายอนุทินน่าจะมีประสบการณ์ทางการเมืองค่อนข้างเยอะ เชื่อว่าเห็นจากรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรแล้ว จะต้องกลั่นกรองมากที่สุด หากแต่งตั้งคนที่ไม่มีคุณสมบัติ ผลร้ายก็จะเกิดขึ้นกับตัวของนายอนุทินเอง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ คนที่มีชื่ออยู่ในขณะนี้ บางคนก็อาจจะผ่าน และบางคนก็อาจจะไม่ผ่าน เพราะฉะนั้นการโหวตรายชื่อ จึงเป็นมาตรการเข้มข้น เพื่อป้องกันเพราะจะเป็นจุดจบทางการเมืองที่เดิมพันหลังจาก 4 เดือนข้างหน้า ก็จะกลายเป็นทุกขลาภ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เพราะฉะนั้นเมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องยึดแนวทางนั้น ส่วนเรื่องความหวังใดๆ ตนเชื่อว่านายอนุทินรู้ว่า เดิมพันของตัวเองคือหลังยุบสภาในการเลือกตั้งครั้งหน้า เขาต้องทำในสิ่งที่ประชาชนพึงพอใจ และต้องทำตรงกันข้ามกับความไม่พอใจของรัฐบาลที่ผ่านมา และเชื่อว่าหลังจากนี้ 4 เดือนจะต้องยุบ ต้องคิดว่าครั้งนี้เป็นการวัดในระยะเวลาสั้นๆ เป็นการโชคดี ต้องไม่ทำให้เกิดความเสียหายและอะไรที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ ก็ต้องรีบทำ ถ้าประชาชนมองว่า 4 เดือนยังทำได้ขนาดนี้ และ 4 ปีจะขนาดไหน นายอนุทินต้องเดินไปสู่จุดนั้นให้ได้ นายอนุทินต้องรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ในส่วนของนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอนนี้กลับมารับโทษ และอยู่ในเรือนจำจะปรับตัวได้หรือไม่นั่น มนุษย์เราไม่ว่าจะยากดีมีจนหรือว่าเศรษฐี ทหาร ตำรวจ นักการเมือง ทุกคนล้วน ติดคุกกันมาหมดแล้ว แต่โดยธรรมชาติร่างกายใช้เวลา 3 วันเป็นอย่างน้อยในการปรับตัว เช่น เรื่องการกิน การนอน เพราะกินก็กินยาก นอนก็นอนไม่หลับ แสงไฟก็จะเปิด 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิดก็จะจับตาตลอด ที่สำคัญนายทักษิณต้องไม่คิดว่าตัวเองเป็นใครมาก่อน ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่ไม่ได้
นายทักษิณต้องทำตัวเหมือนคนตายให้ได้ ถ้าไม่คิดว่าตัวเองเป็นนักโทษ ร่างกายจะทรุดโทรมหลังจากนั้นก็จะตรอมใจ ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า คำวินิจฉัยของศาลฎีกาเมื่อวานจะเป็นงานงอกของนายทักษิณ เพราะคำวินิจฉัยที่นายทักษิณเสมือนเป็นตัวการด้วยให้กลับมาจำคุก 1 ปีนั้น แสดงว่าไม่เคยจำคุกจริงแม้แต่วันเดียว ปัญหาก็คือว่าคนที่มีสิทธิ์ยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษนั้น จะต้องเป็นนักโทษเด็ดขาด และจำคุกจริงแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อไม่ได้มีการนับ 10 วัน แสดงว่าไม่มีการติดคุก 10 วัน สถานะอาจจะนำไปสู่ได้รับโทษ 8 ปี เท่ากับโทษเดิมก่อนที่จะได้รับอภัยลดโทษ ต่อมาในคดีที่ตัวเองเสมือนหนึ่งเป็นในตัวการเกี่ยวข้องด้วยนั้น ที่ ป.ป.ช. ทำสำนวนและคัดคำวินิจฉัย เพราะว่าอยู่ในฐานะที่เป็นโจทย์ด้วยนั้น จะทำให้นายทักษิณถูกเพิ่มมาอีกหนึ่งคดี และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามมาด้วย
เพราะฉะนั้นนี่เป็นชะตากรรม ที่สำคัญที่สุดตนเองเพิ่งเคยได้ยินว่าเรือนจำพิเศษให้เฉพาะนักโทษที่ยังไม่เด็ดขาดเข้าไปอยู่เรือนจำพิเศษ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ ภาพที่ทุกคนเห็นนายทักษิณใส่ชุดนักโทษเป็นครั้งแรก เป็นชุดในเครื่องแบบสำหรับการไปสถานพยาบาลการพบแพทย์ หรือระหว่างกักกันโรค หากเป็นชุดสีน้ำตาลจะเป็นสำหรับการไปศาล แต่โดยปกติแล้วหากอยู่ในเรือนจำจะใส่เสื้อสีขาว กางเกงขาสั้น แต่อย่างไรก็ตามแต่ เชื่อว่าไม่ได้รับสิทธิพิเศษอะไร แต่อาจจะมีการให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่เจ้าตัวคงกินไม่ลง ต้องปล่อยวางให้มากขึ้น
ส่วนอนาคตของเพื่อไทยหลังจากนี้อยู่ที่การปรับตัวของเขา อยู่ที่ว่าประชาชนจะเชื่อในสิ่งที่เขาปรับตัวกันหรือไม่ แต่การพยายามจะปั้นว่าเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย เป็นนายกฯคนแรกก็ไม่ใช่ พรรคเพื่อไทยควรทบทวนว่าตัวเองพลาดอะไร ปกติทำตามนโยบายได้ทั้งหมดตามที่ประกาศ แต่ครั้งนี้ 2 ปีที่ผ่านมา ทำไม่ได้สักข้อ รวมถึงจุดยืนประชาธิปไตยที่ตระบัดสัตย์ข้ามขั้วกันไปนั้น ได้คุ้มเสียหรือไม่ คิดว่าครั้งนี้เป็นบทเรียนราคาแพงอีกครั้งหนึ่งของพรรคเพื่อไทย
Advertisement
