"เหลือเฟือ มกจ๊ก" สูญเสียหลานชาย "พลฯ ธนรัตน์" จวกเขมรคลั่งสงคราม
"เหลือเฟือ มกจ๊ก" เปิดใจสุดช้ำ สูญเสียหลานชาย "พลทหารปลื้ม" วีรชนผู้กล้าในเหตุปะทะชายแดน จวกเขมรคลั่งสงคราม จี้รัฐบาลเจรจาให้จบ หวั่นถึงรุ่นลูก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทีมข่าวอมรินทร์ (APOP Today) ได้พูดคุยกับ "เหลือเฟือ มกจ๊ก" หลังเจ้าตัวได้โพสต์แสดงความไว้อาลัยให้กับ "น้องปลื้ม พลฯ ธนรัตน์ จันทร์ประทัด" วีรชนทหารกล้า รายที่ 7 ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆของตนเอง โดยเผยว่า ในช่วงแรกที่ทราบข่าวยังไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร จนโทรศัพท์สอบถามญาติจึงได้รับการยืนยันว่า เป็น "น้องปลื้ม" หลานชายแท้ ๆ ที่ปู่และย่าเลี้ยงดูมาด้วยความรักอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะปู่ของ "น้องปลื้ม" รักหลานคนนี้มากจนเขียนชื่อหลานไว้บนรถทุกคัน พอมาดูเป็นหลานแท้ ๆ ของตัวเองรายที่ 7 เราก็ โอ้โหมันใกล้ตัวเข้ามาแล้ว น้องปลื้ม เพิ่งเข้ารับราชการทหารมาได้ปีเศษ และถูกส่งไปแนวชายแดนทันทีหลังฝึกเสร็จ โดยที่ยังไม่ได้กลับบ้านมาหาครอบครัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งร่างของน้องปลื้มมีกำหนดเดินทางถึงบ้านในวันพรุ่งนี้
ถามถึงการติดตามสถานการณ์ปะทะชายแดนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เจ้าตัวก็ได้บอกว่า เรื่องเราจะจบกันอย่างไร เราก็ถือว่าเป็นประเทศที่แบบมีมหาอำนาจเหมือนกันในเอเชีย แค่เขมร ทำไมมันมีข้อต่อรองอะไรเยอะแยะอะไรนักหนา ใส่เข้าไป ประเทศที่ 3 ที่ 4 ค่อยมาเคลียร์ "และนี่มันถึงรุ่นหลานแล้ว แล้วอีกไม่กี่ปีลูกผมก็จะเกณฑ์ทหาร" พร้อมเสนอให้หยุดการเจรจาที่ไม่มีความคืบหน้า และเรียกร้องให้ประเทศนำเขตพื้นที่ที่ถูกต้องกลับคืนมาเพื่อยุติการลุกลาม
ถามว่าสงครามครั้งมีเรื่องการเมืองไหม ตนก็คิดว่า มีทุกที่คิดว่าต้องมี "ขนาดน้ำท่วมเรายังไม่ได้เยียวยาพี่น้องเราเลย กลับมาสงครามอีกแล้ว ต่อไปอย่าให้รู้ว่าเป็นเรื่องการเมืองอีกแล้ว" พอมีเรื่องปั๊บมันก็มีเงินมา และไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามหรือภัยพิบัติ ประชาชนก็คือผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ โดยเฉพาะกลุ่มชาวบ้านและผู้ที่อยู่ตามแนวชายแดน
นอกจากนี้ เหลือเฟือ ยังได้เปรียบเทียบสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในอดีตที่ อื้อฟู่ ยิ่งสถานบันเทิงสามารถเปิดได้อย่างเสรีและไม่มีปัญหามากมาย กับปัจจุบันที่พบว่าหลายร้านไม่ได้เป็นแค่ร้านอาหาร แต่มีการเปิดเป็นบ่อนการพนัน หรือมีอบายมุขแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงและความเสื่อมถอยของสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ตนไม่ต้องการให้เกิดสงคราม เพราะมัน "กระทบไปทุกฝ่าย ทุกอาชีพ สาขาอาชีพ" ทำให้ประชาชนทำมาหากินไม่ได้ หลานก็ไปแล้ว จะให้ถึงรุ่นลูกอีกเหรอ? ก็อยากให้จบ จะได้ทำมาหากินกัน ไม่ใช่ให้เขาไปพูดต่อในเรื่องชั่วๆ ว่า ยุคนี้คอร์รัปชันเยอะ
ถามว่าเขมรเหลี่ยมไหม เจ้าตัวตอบว่า สุดๆ พร้อมแสดงความเชื่อว่า การสู้รบที่เกิดขึ้นเป็นแผนการ เพื่อเรียกร้องความสนใจให้ประเทศอื่นเข้ามาคอยไกล่เกลี่ย เพื่อให้เกิดการเปิดด่าน ในขณะที่เศรษฐกิจไทยกำลังพังทลายลง เขมรมีการเตรียมการล่วงหน้าจากฝ่ายคู่ขัดแย้ง โดยสังเกตได้จากการพัฒนาพื้นที่ชายแดนของอีกฝ่าย
ส่วนประเด็นประชาชนเรียกร้องให้ดาราและคนมีชื่อเสียงในประเทศออกมาเป็นกระบอกเสียง เหมือนบ้านเขาด้วย ตนคิดว่า ตนก็ได้ทำหน้าที่ในส่วนของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการโพสต์เพื่อปกป้องทหารและประเทศชาติ โดยย้ำหลักการว่า "เขมรยิงก่อน กัมพูชา ยิงก่อน เราตอบโต้ เราไม่ได้ไปทำก่อน"
สุดท้ายเจ้าตัวก็ฝากข้อความอำลาถึง "น้องปลื้ม" หลานชายผู้สละชีพ โดยกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่าสิ่งที่ภูมิใจที่สุด ก็คือ ปลื้ม ได้ทำคุณงามความดีตรงนี้ดีที่สุดแล้ว ก็คือการได้ เป็นลูกผู้ชาย ในการเป็นทหารกล้าคือปกป้องประเทศ ขอให้หลานเดินทางสู่ภพภูมิที่ดี
Advertisement
