ช่างตัดผม ผู้กำกับโจ้ งงไม่รู้ป่วยเป็นไบโพลาร์ เห็นร่าเริง - ทนายเชื่อไม่รอดเหมือนคดีหมูแฮม (คลิป)

จากคดีดัง ผู้กำกับโจ้ กับ 6 ตำรวจ คลุมถุงหัว นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หลังจากถูกจับคดียาเสพติดที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ โดย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ โจ้ ผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ รับสารภาพว่าใช้ถุงดำคลุมหัวจนตาย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 64 และสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมก่อเหตุ หลังมีคลิปวงจรปิดเผยพฤติกรรมออกมาเป็นนาทีก่อเหตุ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 64 เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้ง 7 รายแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 30 ส.ค. 64 ผลชันสูตรของโรงพยาบาลประชารักษ์ฉบับจริงที่นำส่งให้กับชุดสืบสวนนั้น มาจากขาดอากาศหายใจทำให้เสียชีวิต และมีสารแอมเฟตามีนในร่างกาย

นายศักดิ์ (นามสมมติ) ช่างตัดผมร้านประจำของ ผกก.โจ้ ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่ ผกก.โจ้ รับราชการที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ เขาก็จะมาตัดผมที่ร้านตัวเองเป็นประจำ เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งเวลาที่ ผกก.โจ้ มาตัดผมเขาจะพูดคุยกับตัวเองในเรื่องทั่วไป พูดจาด้วยกิริยานอบน้อม มีหางเสียง "ครับผม" ตลอดเวลา เวลาตัวเองตัดผมเสร็จเขาก็จะกล่าวว่า "ขอบคุณครับ" เสมอ กระทั่งตัวเองได้เห็นพฤติกรรม ผกก.โจ้ ในคลิปวงจรปิด ยอมรับว่าตัวเองตกใจมาก เหมือนกับว่าเขาเป็นคนละคนกับที่มาตัดผมกับตัวเอง คิดว่าอาจเป็นการทำงานของ ผกก.โจ้ หรือเปล่า จึงทำให้เขากระทำการแบบนั้น

ซึ่งเวลาที่ ผกก.โจ้ เขามาตัดผมกับตัวเอง ก็ไม่ค่อยได้ระบายเรื่องปัญหาชีวิตให้ตัวเองฟังแต่อย่างใด กรณีบางสื่อมีรายงานว่า ผกก.โจ้ เคยมีประวัติการรักษาอาการไบโพลาร์ ตัวเองก็ไม่เคยรู้ข้อมูลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ตัวเองเห็น ผกก.โจ้ ในคลิปวงจรปิดและตอนที่เขามาตัดผมกับตัวเอง ก็ค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน

สำหรับ ผกก.โจ้ คนที่ถูกจับกุมและนำฝากขังนั้นตัวเองก็เชื่อว่าเป็น ผกก.โจ้ ตัวจริง เนื่องจากตัวเองเป็นคนที่ตัดผมให้ ผกก.โจ้ เป็นประจำ ตัวเองจึงรู้ลักษณะศีรษะของเขา เห็นภาพตอนที่ ผกก.โจ้ มามอบตัววันแรกที่นั่งใส่เสื้อสีเขียวนั้น ก็คิดว่าคนดังกล่าวนั้นคือ ผกก.โจ้ ตัวจริง เพราะตัวเองจำบริเวณจุด 3 จุด ที่อยู่ตีนผมของ ผกก.โจ้ได้ เนื่องจากตัวเองเป็นช่างตัดผม และจำน้ำเสียงของ ผกก.โจ้ ได้ด้วย

จากรายงานข่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 6 ได้เปิดเผยข้อมูลว่าผู้กำกับโจ้ มีประวัติเคยรักษาโรคไบโพลาร์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มาสักระยะหนึ่งแล้ว ทนายเกิดผล แก้วเกิด กล่าวว่า ต้องมีการพิจารณาก่อนว่าหาก ผกก.โจ้ นำถุงคุมหัวผู้ตายในขณะที่เจ้าตัวมีอาการป่วย ไม่สามารถรับผิดชอบชั่วดีได้ และแพทย์วินิจฉัยออกมาผลสรุปว่ามีอาการดังกล่าวจริง ตามกระบวนกฎหมายอาญามาตรา 65 บัญญัติไว้ ผู้ที่ก่อเหตุก็จะไม่ได้รับโทษตามฐานความผิดที่ได้กระทำ

แต่หากการตรวจสอบพบว่าในขณะที่ ผกก.โจ้ ได้ลงมือก่อเหตุ เจ้าตัวยังมีสติ รู้ผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง ศาลก็จะกำหนดโทษ ตามที่ได้บัญญัติไว้ตามความเหมาะสม เพียงใดก็ได้ ซึ่งกรณีนี้จึงมีความจำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจพิสูจน์ก่อนว่า ผกก.โจ้ ขณะกระทำความผิดในวันดังกล่าวเป็นโรคไบโพลาร์อยู่หรือไม่ หากผลสรุปจากทางแพทย์ปรากฏว่าไม่ได้เป็นโรคดังกล่าว ก็จะถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมา ส่วนมีประวัติเคยรักษาโรคไบโพลาร์มาก่อน ในส่วนนี้ศาลก็จะไม่รับผิดจารณา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

- ประวัติ ผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ตำรวจหนุ่มเจ้าของฉายา โจ้ เฟอร์รารี่
- ประวัติ ใบเตย พรพจี พิธีกรสาวชื่อดัง ลูกบิ๊กตำรวจ แฟน ผู้กำกับโจ้
- ปูดพิกัด "ห้องเหลือง" สถานที่ใช้ทรมานคดีบิ๊กตำรวจ ถุงคลุมหัวรีดเงินล้านผู้ต้องหาดับ
- ทนายษิทรา แชร์คลิปอ้างนาที ผู้กำกับโจ้ คลุมถุงพ่อค้ายารีดเงิน 2 ล้าน จนเสียชีวิต
- สอบเครียด! แม่ - เมียหนุ่มตายปริศนา พ.ต.อ.ปัดคลุมหัวไถเงินล้าน สัปเหร่อเผยพิรุธศพ (คลิป)