สยอง! พ่อคลั่งปังตอสับหัวลูก 5 ขวบ แม่-เมียช่วยฟันโคม่า พบเปลี่ยนยาป่วยจิต (คลิป)

เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 2 ก.ค.64 ร.ต.ท.ยุทธนา รบนิกร รองสารวัตรสอบสวน สภ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดเหตุมีผู้ชายคลุ้มคลั่งใช้มีดปังตอเป็นอาวุธทำร้ายครอบครัวจนเสียชีวิต

เหตุเกิดภายในบ้านพักของ รร.บ้านหนองไก่ต่อ หมู่ 7 ต.หนองโสน อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบรายงานให้ พ.ต.อ.ภูวดิท คงเพชร ผกก.สภ.เลาขวัญ รับทราบ จากนั้นจึงรีบนำกำลังเดินทางไปที่บ้านพักหลังดังกล่าว พร้อมด้วย พ.ต.ต.ราเชน แตงนวลจันทร์ สว.สส. และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีกหลายนาย ร่วมกับตำรวขชุดสืบสวน

เหตุเกิดขณะที่ภรรยากำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว แม่บังเกิดเกล้าและลูกสาวนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในบ้าน อยู่ ๆ ก็คว้ามีดปังตอสับหมูออกมากระหน่ำฟันศีรษะ ลูกสาว จนกะโหลกแตก มันสมองกระจาย และแม่ที่ตกใจร้องลั่นบ้านได้รับบาดเจ็บ ส่วน ภรรยาได้ยินเสียงร้องวิ่งออกมาดูถูกฟัน จนได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสอีกคน ส่วนน้องภรรยาและลูกสาวคนโตที่อยู่ในเหตุการณ์ สามารถวิ่งหลบหนีไปได้ จึงรอดตายหวุดหวิด

หลังก่อเหตุไม่ได้หลบหนี ตำรวจนำกำลังเข้าจับกุมอยู่ใน อาการเพี้ยน สติแตก พูดคนเดียว ให้การวกวน ตรวจสอบประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวช บรรดาญาติ เชื่อว่ากินยาป่วยจิตเวชตัวใหม่ที่ออกฤทธิ์แรง ทำให้ประสาทหลอนคลุ้มคลั่งทำร้ายครอบครัว

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบ นายธีรพงศ์ อายุ 37 ปี มีอาชีพเป็นนักการภารโรง ผู้ได้รับบาดเจ็บมีอยู่ด้วยกัน 3 คน คือ นางสาวอรวรรณ แสงวิเวก อายุ 30 ปี ภรรยาของนายธีรพงษ์, นางบุญสม พรหมพ่วง อายุ 58 ปี แม่ของนายนายธีรพงศ์ และด.ญ.มีน อายุ 5 ปี เป็นลูกสาวของนายธีรพงศ์

ล่าสุด วันที่ 3 ก.ค.64 ทีมข่าวได้เดินทางไปยังวัดหนองไก่ต่อ เมื่อเวลา 16.00น. ร่างของน้องมีนได้มาถึงวัด บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทางญาติร่ำไห้เสียใจ ก่อนที่จะรดน้ำศพ พี่สาวของน้องมีนที่เห็นเหตุการณ์ยังคงร้องไห้ และช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นางฟ้า (นามสมมติ) ญาติผู้เสียชีวิต เผยว่า ส่วนตัวแล้วได้รับแจ้งหลังเกิดเหตุว่าทางผู้ต้องหาได้ใช้มีดปังตอฟันแม่ ภรรยาและลูกสาว ยอมรับว่าขณะนั้นตกใจและรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลทันที เมื่อไปถึงเวลา 21.00 น. พบว่าน้องมีนเสียแล้ว ส่วนหลานสาวและแม่ของผู้ต้องหายังอยู่ในห้องฉุกเฉิน ซึ่งตนไม่ได้สอบถามอาการของ 2 คน เนื่องจากต้องจัดการเรื่องงานศพของน้องมีน และขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่าอาการเป็นอย่างไร

ขณะเดียวกันตนก็ไม่ได้พูดคุยกับทางผู้ต้องหา และขณะนี้ทางครอบครัวหรือญาติเองก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทางผู้ต้องหาก่อเหตุ ที่ผ่านมาผู้ต้องหาปกติดี รักลูกสาวและครอบครัว ไม่เคยทำร้ายหรืออารมณ์ฉุนเฉียวใส่ใคร ส่วนมีอาการป่วยทางจิตเวชนั้น ตนไม่ทราบมาก่อน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวเขา

สำหรับกรณีที่กล่าวอ้างว่าผู้ต้องหาไปฉีดวัคซีนและเปลี่ยนตัวยารับประทานรักษานั้น ตนไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม  ตนยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรง และเสียใจมาก แต่ก็ไม่ได้โกรธแค้นผู้ต้องหา ซึ่งใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น

นายอดุลย์ เภาตา อายุ 45 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสะเตยพัฒนา เผยว่า หลังจากเกิดเหตุตนเห็นว่ามีรถกู้ภัยเข้าไปที่โรงเรียน ก่อนจะโทรสอบถามญาติ ๆ และพบว่าผู้ต้องหาฟันแม่ของผู้ต้องหา ภรรยา และลูกสาว ให้รีบตามไปที่โรงพยาบาล ก่อนที่ตนจะรีบตามไป และได้รับแจ้งว่าน้องเสียชีวิตแล้ว ส่วนแม่ของผู้ต้องหา และภรรยาอยู่ในห้องไอซียู เบื้องต้นตนไม่ได้สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ทราบสาเหตุ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะเทือนขวัญมาก สำหรับลักษณะนิสัยของผู้ต้องหานั้นเป็นคนเงียบซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้มีพฤติกรรมที่รุนแรงหรือทำร้ายร่างกายใคร ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันมากนัก

นอกจากนี้ ตนทราบมาว่าผู้ต้องหานั้นได้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิดมา และจากนั้นทางโรงพยาบาลปรับให้ทานยาตัวใหม่ ซึ่งตนไม่ทราบว่าสาเหตุดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ที่ทำให้ผู้ต้องหานั้นมีอาการกำเริบ