แม่ชมพู่น้ำตาตกอยากถามลุงพลทำไมอำมหิต พยานแฉเจอโผล่ตีนเขาจริง (คลิป)

กรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. ต่อมานายไชย์พล วิภา ลุงเขยของน้องชมพู่ ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าน้องชมพู่ ได้แสดงอาการคุกคามสื่อมวลชน จนเกิดเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลุงพลหลังจากที่ถูกนำเข้าเครื่องจับเท็จ

กระทั่งวันที่ 1 มิ.ย.64 ศาลจังหวัดมุกดาหาร อนุมัติหมายจับนายไชย์พล ในความผิด 3 ข้อหา พรากผู้เยาว์ ทอดทิ้งเด็กเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

ล่าสุดช่วงเช้าของวันที่ 2 มิ.ย.64 นายไชย์พล ถูกตำรวจสันติบาลจับกุมตัวตามหมายจับของศาลจังหวัดมุกดาหาร หลังเดินทางมามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตน์พงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวถึงรายงานข่าวผ่านรายการโหนกระแส ว่าตำรวจได้เจอหลักฐานที่เป็น DNA ของลุงพล ปนเปื้นอยู่ในเส้นขน 3 เส้น

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ได้พูดคุยกับ รศ.นพ.วีรศักดื์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว เปิดเผยว่า สำหรับข้อมูลทั้งหมดที่ออกมาตอนนี้ เป็นแค่รายงานข่าวแต่ยังไม่มีการยืนยันจากตำรวจ ซึ่งตนได้ข้อมูลมาว่า ตำรวจนตรวจเจอเส้นผมของน้องชมพู่ที่อยู่ในรถของลุงพล, เส้นขน 3 เส้น และเส้นขนของป้าแต๋น ซึ่งจะขอวิเคราะห์ตามข้อมูลที่ได้มา แต่ก็ไม่รู้ลึกว่ารายงานของตำรวจเป็นอย่างไร

ตามกระบวนการตรวจสอบเส้นขนที่เจอทั้งหมดนั้น ตนคาดการว่าการตรวจเส้นขนมีรากจะตรวจนิวเคลียส (Nucleus) เปรียบเทียบได้ทันที แต่กรณีที่เส้นขนไม่มีรากจะต้องตรวจผ่านระบบไมโทคอนเดรียดีเอ็นเอ ซึ่งการตรวจนั้นจะบอกได้ถึงความเชื่อมโยง DNA ไปทางสายมารดา คือสายแม่น้องชมพู่ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลมากพอว่าเส้นขนเส้นไหนที่มีรากหรือไม่มีราก ทำให้ไม่ทราบว่าใช้กระบวนการไหนกับเส้นไหน

กรณีเส้นขน 3 เส้นจะเป็นหลักฐานมัดตัวคนร้ายหรือไม่นั้น ตนมองว่าการตรวจเส้นขนเป็นแค่หนึ่งจิ๊กซอว์เท่านั้น แม้ว่าจะตรวจสอบได้ว่าเส้นขนเป็นของใคร แต่ตนมองว่าแค่การตรวจเส้นขนนั้นไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนร้าย แต่ต้องใช้หลักฐานอื่น ๆ และการสอบสวนประกอบด้วย เพราะจะต้องสอบสวนว่าเส้นขนนั้นเข้าไปอยู่ใกล้ศพ หรือเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ ที่ผ่านจะสังเกตได้ว่าตำรวจได้รวบรวมหลักฐานหลายส่วน ทั้งสอบปากคำและนำพยานเข้าเครื่องจับเท็จ

กรณีที่นายอัจฉริยะพูดผ่านรายการโหนกระแสว่า ตำรวจเจอ DNA ลุงพลอยู่ในเส้นผมของน้องชมพู่ 3 เส้นที่ถูกสับนั้น ตนก็ไม่ทราบว่าเป็น DNA แบบไหน แต่ตำรวจน่าจะมีระบบสอบสวนว่าหลักฐานที่ได้เกี่ยวข้องกับคดีของน้องชมพู่อย่างไร คาดว่าจะต้องมีหลักฐานอื่น ๆ ประกอบทำให้คดีมีความชัดเจนมากขึ้น

ส่วนเรื่องที่มีรายงานว่า เจอเส้นขนของป้าแต๋นในกระเป๋ากางเกงของน้องชมพู่ ซึ่งเป็นเส้นผมอีกเส้นที่แยกจาก เส้นขน 3 เส้น เรื่องนี้ตนเชื่อว่าตำรวจน่าจะมีการสืบสวนเรื่องไทม์ไลน์ว่าป้าแต๋นมีความเชื่อมโยงก่อนที่น้องชมพู่จะหายตัวไปหรือไม่ และหาว่าเส้นขนของป้าแต๋นไปอยู่ที่น้องชมพู่ได้อย่างไร ตำรวจคงจะตั้งข้อสงสัยในประเด็นนี้เพื่อที่จะสอบสวนอยู่แล้ว 

นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ ให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนตัวมองว่าคน ๆ นี้ควรจะมีความเมตตาสงสารน้องชมพู่มากกว่าคนอื่นที่ไม่เคยรู้จัก แต่ในเมื่อผู้ร้ายเป็นคนรู้จักหรือญาติ ตนคิดว่าเขาควรจะมีความเมตตาต่อเด็ก ทั้งที่เขาเป็นคนในครอบครัว

ส่วนตัวเชื่อว่าวันที่ 11 พ.ค.63 น้องชมพู่ยังไม่เสียชีวิต ซึ่งวินาทีนั้นลูกสาวคงร้องไห้ อ้อนวอนทุกวิถีทาง เพื่ออยากจะกลับบ้านมาหาพ่อแม่ ทำไมคนที่เป็นญาติไม่พาน้องมาเจอพ่อแม่ คุณไม่มีจิตสำนึกต่อเด็กเลยเหรอ

สาเหตุที่ในอดีตตนเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สงสัยลุงพล เนื่องจากตนพยายามอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่ลุงพลไม่ยอมฟัง และการให้ข่าวกับสื่อของลุงพลมีลักษณะพูดกลับไปกลับมา อย่างเช่นลุงพลเคยบอกว่า ลุงพลมาเติมลมรถที่บ้านแล้วน้องชมพู่ร้องไห้ตามลุงพล ถ้าเอาน้องไปด้วยคงไม่ตาย สิ่งนี้คือครั้งแรกที่เขาให้สัมภาษณ์ จากนั้นก็ออกมาแก้ข่าวว่าจำผิดวัน

กรณีที่พระอาจารย์บุญมาออกมาให้ข่าว ลุงพลก็ออกมาให้ข่าวโต้พระอาจารย์บุญมา หรือพ่อแบมออกมาพูด ลุงพลก็ออกมาโต้พ่อแบม และตำรวจก็ไม่ได้สอบสวนแค่ลุงพลคนเดียว ตำรวจสอบสวนคนทั้งหมู่บ้าน รวมทั้งตนและนายอนามัยด้วย ตนอยากฝากถึงสังคมในฐานะที่ตนเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าลูกตัวเอง ตนเลือกที่จะนิ่งและปลง ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนในตอนนั้น และยอมรับว่าชดใช้กรรมที่ถูกสังคมด่า

ขณะนี้ ลุงพลต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่ทำกับน้องชมพู่ ตนอยากบอกกับน้องชมพู่ว่า ลูกได้รับความยุติธรรมแล้ว และพ่อกับแม่ทำให้สังคมรู้ว่า พวกตน 2 คนไม่ทำร้ายหรือฆ่าลูกตัวเอง จึงอยากให้สังคมมองครอบครัวตนใหม่ด้วย หลังจากนี้ตนไม่จำเป็นที่จะมองหน้าลุงพล เพราะเขาไม่มีค่าอะไรแล้ว ตนอยากขอบคุณ ผบ.ตร.ที่ให้โอกาสดี ๆ กับตนเอง และคลี่คลายคดีได้

วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดตน และตนรู้สึกว่าตนได้รับพรวิเศษเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ ที่ตำรวจมอบความยุติธรรมให้ครอบครัว ถ้าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ตนต้องปรึกษาผู้ที่มีความรู้ในด้านนี้ก่อน ตนเชื่อว่าต้องมีคนอยากให้ความช่วยเหลือตนบ้าง ตนเคยบอกผู้ต้องหาก่อนหน้านี้แล้วว่า ใครที่ทำอะไรไว้ก็ให้มอบตัวโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา แต่ตอนนี้คุณไม่มีโอกาสนั้นแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าตนกังวลที่ผู้ต้องหามีทนายความส่วนตัวเป็นทนายฝีมือดี แต่ตนก็เชื่อว่าหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมไว้จะสามารถเอาผิดคนร้ายได้ น้องชมพู่เป็นเด็กที่บริสุทธิ์ ตนก็อยากให้ลูกไปสู่สวรรค์ ส่วนเรื่องการหาทนายส่วนตัว ตนจะต้องปรึกษากับตำรวจและครอบครัวอีกครั้ง

ทีมข่าวเดินทางมาพบกับนางปิ่น (นามสมมติ) หนึ่งในพยานที่เห็นลุงพล ในวันที่ 11 พ.ค.63 บริเวณตีนภูเหล็กไฟ เปิดเผยว่า ตนขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ทราบข่าวว่าน้องชมพู่หายตัวไป จากนั้นตนและกลุ่มเพื่อน ๆ ก็ไปที่บ้านแม่ชมพู่ ช่วงนั้นเวลาประมาณ 12.00 น. พบว่าไม่นานครูบาลายก็มาทำพิธี ตามความเชื่อ ก่อนเริ่มเดินค้นหาเวลา 15.00-16.00 น. ตนและกลุ่มเพื่อนเดินไปทางขวาของภูเหล็กไฟ เดินตามทางไปเรื่อย ๆ เป็นการหาบริเวณตีนเขา ไม่ได้เดินขึ้นบนเขา โดยด้านหน้าตนมีกลุ่มเพื่อนเดินไปก่อนชุดหนึ่ง

กระทั่งตนเดินมากับนางดอกไม้ (นามสมมติ) ปรากฏว่าเดินมาถึงร่องน้ำที่ไม่มีน้ำ ชาวบ้านเรียกห้วยบุ่ง ตนเห็นลุงพลอยู่บริเวณดังกล่าว ลักษณะเดินเหม่อลอย ใส่เสื้อผ้าขุดภูไท จากนั้นมีท่าทีเดินช้า ๆ ไม่เหมือนคนที่กำลังตามหาหลาน ตนไม่ได้ทัก แต่ไม่แน่ใจว่านางดอกไม้ได้พูดคุยหรือไม่ เท่าที่สังเกตเห็นลุงพลหยุดเดินและก้มลงไปดึงอะไรบางอย่างออกจากเท้า ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าเดินเหยียบอะไร จากนั้นลุงพลก็ไม่ได้ค้นหาหลานสาวต่อ

ในจังหวะนั้นตนก็สงสัยว่าลุงพลคือคนร้ายหรือไม่ ประกอบกับสิ่งที่ตนคุยกับเพื่อนอีกชุด ที่เดินมาก่อนตน ไม่มีใครพบเห็นลุงพลค้นหาหลานสาว ทำให้มั่นใจว่าตำรวจไม่ได้จับแพะ ตนคิดว่าคือคนร้ายตัวจริง และดีใจที่ตำรวจจับคนร้ายได้ จนอยากจ้างรถแห่มาฉลอง