จากกรณี มีคนร้ายฆ่าโหดหนุ่มพ่อม่าย ที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ใต้สะพานข้ามน้ำปิง เขตบ้านซาง ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และตายอย่างทารุณด้วยการใช้อาวุธมีดฟันที่บริเวณใบหน้าและท้ายทอยหลายสิบแผล ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจลูก “บัวลอย” สาวโหดฆ่าฮุบประกัน ญาติเหยื่ออึ้งหยอดยาในเหล้า เชื่อมีเกิน 4 ศพ
ส่วนรายชื่อบุคคล ตายปริศนา 4 และเจ็บ 1 ได้แก่ นายหล้า ค้าแกว่น ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านซาง ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริมจ.เชียงใหม่ ถูกวางยาในปี 2559 ลักษณะศพน้ำลายฟูมปาก ปากดำ ตัวคล้ำ
นางน้อย สมบูรณ์ อายุ 72 ปี ชาวบ้าน หนองป่าคา ต.สันโปรง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ สาเหตุการตายไม่ทราบแน่ชัด ปี 2561 ลักษณะศพนั่งริมกำแพงเสียชีวิต
นายจำรัส แสนคำ อายุ 64 ปี ชาวบ้าน หนองป่าคา ต.สันโปรง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีอาการอาเจียน แต่ละราด นำส่งโรงพยาบาลล้างท้องทัน ปี 2561 ไม่เสียชีวิต
นายอุทิศ กลั่นกล้า ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านซาง ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริมจ.เชียงใหม่ สาเหตุการตายถูกวางยาในปี 2563 ลักษณะศพน้ำลายฟูมปาก ปากดำ ตัวคล้ำ
นายอนันต์ (ชายเร่ร่อน) ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านซาง ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ สาเหตุการตายถูกฆาตกรรม ในปี 2563
ล่าสุดวันที่ 11 ต.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยัง บ้านหนองอาบช้าง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านอดีตสามีของนางบัวลอยที่เสียชีวิต
ทีมข่าวได้พูคคุยกับ นายบีม (นามสมมติ) หลานชายของนายก่องคำ อดีตสามีของนางบัวลอยที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า ลุงของตนเองนั้นมาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 ก.พ.57 ขณะที่ไปขับรถแดง ส่งผู้โดยสารอยู่ในเมืองเชียงใหม่ โดยมีชาวบ้านไปพบศพลุงอยู่ในสภาพ เลือดออกที่หูลิ้นจุกปาก น้ำลายฟูมปาก ตัวดำคล้ำ จึงแจ้งหน้าที่ตำรวจและประสานติดต่อกลับมาให้ญาติทราบ ในตอนนั้น ทางญาติก็ไม่ได้ติดใจการเสียชีวิตอะไร เนื่องจากผลตรวจจากแพทย์ระบุออกมาว่า ลุงได้เสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว
กระทั่งล่าสุด มาทราข่าวเรื่องที่นางบัวลอย ได้ก่อเหตุฆาตกรรมเพื่อหวังเงินกองทุนฌาปนกิจ ทางครอบครัวเลยมาเอ๊ะใจ เนื่องจากรู้มาว่านางบัวลอยก็ได้ไปชวนคนในหมู่บ้าน เข้ารวมทำกองทุนอยู่หลายราย จึงคิดว่าลุงอาจจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกนางบัวลอย วางยาเพื่อหวังเอาเงินกองทุนก็เป็นได้ เพราะก่อนหน้าที่ลุงจะเสียชีวิต นางบัวลอย ได้มาขอบัตรประชาชนลุงเพื่อจะนำไปเข้ารวมกองทุน
โดยอาสาจะเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้ ซึ่งพอลุงเสียชีวิตก็ได้มาขอใบมรณะ ทางพี่สาวของลุงก็ไม่ยอมให้ เพราะหลังจากที่ลุงเสียชีวิต นางบัวลอย กลับไม่ยอมมารวมงานศพ แต่หลังจากเสร็จงานกลับจะมาขอใบมรณะเพื่อนำไปเบิกเงินฌาปนกิจของลุง
จึงทำให้สอดคล้องกันถึงสาเหตุการเสียชีวิตของลุงที่คล้ายกับผู้เสียชีวิตรายอื่น ๆ ที่ถูกนางบัวลอยวางยา ทั้ง ๆ ที่ลุงเองก็เป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ก็ไม่น่าจะมาเสียชีวิตง่าย ๆ เพราะโรคประจำตัว
ทั้งนี้นายอินทร ทะลา เป็นสามีนางบัวลอยคนที่ 1 เสียชีวิต ปี 57 เป็นชาวบ้านหมู่ที่ 4 บ้านซาง ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ สาเหตุการตาย โรคอัมพฤกษ์
หลังเกิดเหตุ ตนก็รู้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคิดว่านางบัวลอย ทำเกินกว่าเหตุเกินไป เนื่องจากตั้งใจก่อเหตุ "ฆ่ากันเหมือนหมูเหมือนหมา เพราะเงินเพียงไม่กี่บาท" ตนคิดว่าใจร้ายเกินไป ทั้งนี้ทางครอบครัวก็ไม่ได้ติดใจกับการเสียชีวิตของลุง เพราะลุงก็ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว เพียงแต่แค่สงสัยเท่านั้นว่า ลุงอาจจะเสียชีวิตเพราะฝีมือนางบัวลอยหรือไม่ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเอาผิดกับนางบัวลอยให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม หากถามว่าถ้ามีโอกาสได้พูดกับนางบัวลอย อยากจะบอกอะไร ตนบอกได้เลยว่า ไม่อยากจะพูดอะไร เพราะคนแบบนั้น ไม่น่าเสียเวลาที่จะพูดด้วย
หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเวียน (นามสมมติ) เพื่อนบ้านของนางบัวลอย เปิดเผยว่า ปกติแล้วนางบัวลอย เป็นคนนิสัยดี ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร แต่เรื่องเกี่ยวกับการทำกองทุนฌาปนกิจที่นางบัวลอยกระทำนั้น นางบัวลอย ไม่เคยมาเล่าหรือปรึกษาอะไรให้ตนฟัง ซึ่งนางบัวลอยเอง ก็เคยมาชวนพี่สาวของแฟนตนไปเข้ารวมกองทุนด้วยเช่นกัน เนื่องจากพี่สาวแฟนเป็นโรคมะเร็ง นางบัวลอย จึงมาขอบัตรไปเข้ารวมทำกองทุน แต่ส่วนรายละเอียดตนไม่ทราบว่าทั้งคู่ไปตกลงกันอย่างไร รู้เพียงว่าจะต้องส่งเงินกองทุนต่อเดือนจำนวน 300 บาท
ทั้งนี้หากเสียชีวิต ก็จะได้เงินจำนวน 1 แสนบาท แล้วแต่วงเงินที่ตกลงกัน ซึ่งหากพี่สาวเสียชีวิต นางบัวลอยก็จะแบ่งเงินให้ 1 หมื่นบาทเป็นค่าจัดงาน แต่ส่วนต่างที่เหลือก็จะเก็บเงินไว้ เนื่องจากนางบัวลอย เป็นผู้ลงทุนให้ก่อน ส่วนเรื่องเอกสารนางบัวลอยที่เป็นผู้รับผิดชอบ ก็จะเก็บไว้จัดการดูแลทั้งหมด เสมือนเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเก็บเงินไปให้ทางบริษัทกองทุน แต่ส่วนรายละเอียดลึก ๆ กว่านี้ตนไม่ทราบ รู้เพียงแค่ว่า หากคนในครอบครัวเสียชีวิต นางบัวลอยก็จะแบ่งเงินมาช่วยในเรื่องจัดงานศพ
ทางครอบครัวจึงยินยอมเพราะเข้าใจว่า เสมือนเพื่อนบ้านช่วยเหลือกัน ไม่คิดว่าจะก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว และเหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความตกใจให้กับคนในครอบครัวและชาวเป็นอย่างมากแบบนี้
