พระเพลิงเผาผลาญวอด ห้องแถวไม้เก่าแก่อายุกว่า 70 ปีที่ก่อสร้างขึ้นมาพร้อม ๆ กับสถานีรถไฟห้วยเกิ้ง จ.อุดรธานี ไหม้ไป 17 คูหา ต้องระดมรถดับเพลิงมาช่วยกันกว่า 30 คัน ฉีดน้ำสกัดกว่า 2 ชม.จึงคุมเพลิงไว้ได้
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 ก.ย. 63 ร.ต.อ.จักรกฤษณ์ ศรีกงพาน รอง สว.สอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ห้องแถวไม้ 2 ชั้น ที่ถนนหน้าสถานีรถไฟห้วยเกิ้ง บ.ห้วยเกิ้ง ต.ห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี ซึ่งเป็นห้องแถวไม้เก่าสร้างมาในยุคสร้างสถานีรถไฟ อายุกว่า 70 ปี ปัจจุบันเป็นบ้านพักอาศัยและประกอบการค้า ซึ่งบ้านไม้บางส่วนถูกเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรงลุกลามไปยังห้องแถวข้างเคียงที่อยู่บนถนนโพธิ์นิมิตรอย่างรวดเร็ว หน่วยดับเพลิงเทศบาลตำบลห้วยเกิ้งนำรถดับเพลิง-รถน้ำฉีดน้ำสกัดการลุกลาม แต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เนื่องจากอาคารไม้เก่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
นายสุชาติ ทอนมณี นายอำเภอกุมภวาปี เดินทางอำนวยการการดับเพลิงพร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.กุมภวาปี และนายธงชัย รัตวร นายกเทศมนตรีตำบลห้วยเกิ้ง พร้อมขอรับการสนับสนุนรถดับเพลิงจาก อปท.ใกล้เคียงในพื้นที่ อ.กุมภวาปี อ.โนนสะอาด และ อ.หนองแสง รวมทั้งรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลเขาสวนกวาง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ปภ.เขต 14 และรถน้ำของโรงงานน้ำตาลเกษตรผลรวม มากกว่า 30 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางหลวงและมูลนิธิส่งเสริมธรรม มาช่วยสกัดเพลิง ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงในวงจำกัดได้
เบื้องต้นพบว่า ห้องแถวทั้งหมดอยู่ในการครอบครองของ 5 ครอบครัว เพลิงเผาผลาญไปรวม 17 คูหา เหลืออยู่เพียง 5 ห้องที่รอดพ้นจากเปลวเพลิง จากการตรวจสอบยังไม่ชัดเจนว่าต้นเพลิงมาจากห้องไหน ทั้งนี้ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
นางสุดใจ ขาวกุลชร อายุ 84 ปี อยู่บ้านเลขที่10หมู่4 ต.ห้วยเกิ้ง กล่าวว่า ขณะนั่งขายหมากขายพลูอยู่หน้าห้องแถวดังกล่าว เห็นกลุ่มควันไฟพวยพุ่งขึ้นมาจำนวนมาก จากนั้นมีคนตะโกนบอกว่าไฟไหม้บ้าน จึงออกมายืนดูเห็นไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง จึงวิ่งไปบอกลูกสาวอยู่ภายในบ้านช่วยกันขนของมีค่าหนีไฟ
ด้านนายสุชาติ ทอนมณี นายอำเภอกุมภวาปี เปิดเผยว่า จุดเพลิงไหม้เป็นห้องแถวไม้มีอายุมากกว่า 70 ปี สร้างขึ้นมาพร้อม ๆ กับสถานีรถไฟ เพื่อทำการค้าขายเหมือนทุกสถานี ปัจจุบันยังคงใช้ประกอบธุรกิจการค้าและที่พักอาศัย พยานระบุต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ห้องแถวแรก ๆ บนถนนหน้าสถานีรถไฟ ซึ่งยังต้องรอการตรวจพิสูจน์อีกครั้ง แต่ขณะเกิดเหตุผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในบ้านพักออกไปไหว้เจ้า และไปวัดในเทศกาลสารทจีนและบุญข้าวสาก ได้ขอให้เทศบาล ต.ห้วยเกิ้ง ใช้อาคารห้องประชุมของเทศบาล ต.ห้วยเกิ้ง เป็นสถานที่พักผู้ประสบภัยชั่วคราวให้ประชาชนที่ไม่มีที่พักและจัดหาเครื่องนอนทีมอำนวยความสะดวกพร้อมอาหารเย็นให้ผู้ประสบภัยที่ร้องขอรับความช่วยเหลือส่วนหลังจากเพลิงสงบจะยังคงมีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลห้วยเกิ้งเฝ้าระวังไม่ให้ไฟประทุขึ้นมาอีก
