ผอ.เขตหนองแขม สั่งปิดพื้นที่ถังเคมีระเบิด เร่งขนยายออกจากชุมชน

23 พ.ค. 67

ผอ.เขตหนองแขม สั่งปิดพื้นที่ถังเคมีระเบิด กำหนดเป็นพื้นที่อันตราย เร่งตรวจสอบใบขออนุญาต และให้ขนย้ายถังเคมีออกจากพื้นที่ภายในวันนี้

 

ภายหลังเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตหนองแขม กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตำรวจสน.หนองแขม และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จากกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการระเบิดของถังเคมี

นางมณีวรรณ ศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการเขตหนองแขม เปิดเผยว่า ตรวจสอบเบื้องต้นพบถังออกซิเจน จำนวน 37 ถัง ถังคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 16 ถัง และถังบรรจุแก๊ซอเซทิลีน จำนวน 18 ถัง รวมทั้งหมด 71 ถัง ซึ่งผู้ประกอบการระบุว่าเป็นถังเปล่าที่รับมาจากโรงงานอุตสาหกรรม นำมาเก็บเอาไว้เพื่อเตรียมนำไปบรรจุสารเคมี และส่งกลับไปยังโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนถังเคมีที่ระเบิด เบื้องต้นระบุว่าเป็นถังที่บรรจุแก๊ซอเซทิลีน  เป็นสารเคมีที่ใช้สำหรับเชื่อมโลหะในภาคอุตสาหกรรม

เบื้องต้นจากการตรวจสอบบริเวณสถานที่เกิดเหตุไม่พบว่าได้ขออนุญาตในการจัดเก็บทางเคมีอย่างถูกต้อง ซึ่งสำนักงานเขตจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานประสานกับทางพนักงานสอบสวน และพิสูจน์หลักฐาน เตรียมดำเนินคดีกับเจ้าของกิจการ และสั่งให้ปิดพื้นที่เกิดเหตุโดยทันที โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่อันตราย เร่งประสานทางเจ้าของกิจการนำทางเคมีที่มีความเสี่ยง เช่น ถังแก๊ซอเซทิลีน ออกจากพื้นที่ภายในวันนี้ ส่วนสาเหตุการระเบิดขณะนี้ยังต้องรอผลพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจว่าเกิดด้วยสาเหตุใด

นายชุม สนสายัณต์ หัวหน้าสถานีดับเพลิงบางแค เปิดเผยว่า การระเบิดดังกล่าว หากมีแก๊ซที่คงค้างในถัง หากใช้ไม่หมดถ้ามีการเคลื่อนย้ายหรือตกกระแทกก็อาจจะทำให้ระเบิดได้ 

ส่วนกรณีถังอาจจะเสื่อมสภาพเป็นสาเหตุเกิดระเบิดขึ้นนั้น ปกติแล้วทางโรงงานที่บรรจุจะต้องตรวจสอบถัง ถ้าชำรุดก็จะไม่มีการบรรจุลงไป

อีกหนึ่งข้อสงสัย คือถังอเซทิลีน เป็นวัตถุไวไฟ มีความเป็นไปได้ หากเกิด ประกายไฟจากจุดไฟบุหรี่ ขณะที่มีแก๊ซรั่วไหล หรือทางคนงานพยายามเปิดวาล์วเพื่อระบายก๊าซออกจากถังซึ่งข้อสรุปยังต้องรอเจ้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบให้ชัดเจนมากกว่านี้

ส่วนการดำเนินคดีกับเจ้าของกิจการ พันตำรวจเอกคงศักดิ์ ปานน้อย ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลหนองแขม เปิดเผยว่า ยังต้องรอข้อมูลจากสำนักงานเขตหนองแขม และ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เบื้องต้นยังไม่มีเพื่อนบ้านที่ได้รับความเสียหายมาแจ้งความแต่ หลังจากนี้ตำรวจจะเชิญผู้เห็นเหตุการณ์และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันจะร่วมกับทางสำนักงานเขตลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายทั้งหมด และหามาตรการในการเยียวยาผู้เสียหายและครอบครัวผู้เสียชีวิตต่อไป

 

 

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส