เชื่อมจิตถึงนายกฯ ยื่นหนังสือให้จัดการสื่อ บิดเบือนใส่ร้าย

29 เม.ย. 67

ทนายความ- ทีมแอดมินเพจนิรมิตเทวาจุติ-ลูกศิษย์ อาจารย์น้องไนซ์ บุกทำเนียบ ร้องนายกฯ ฟันสื่อบิดเบือน นำเสนอข่าวเท็จ ใส่ร้ายทำสังคมแตกแยก 

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 29 เม.ย. 67 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายธรรมราช สาระปัญญา หรือ ทนายธรรมราช ทนายความของ อาจารย์น้องไนซ์ เด็ก 8 ขวบ ตัวแทนทีมแอดมินเพจนิรมิตเทวาจุติ และลูกศิษย์ อาจารย์น้องไนซ์ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอให้ดำเนินการเอาผิดสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวเท็จ ทำให้สังคมแตกแยก 

ทั้งนี้ ทนายธรรมราช กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือในประเด็นที่มีสื่อมวลชนบางรายที่นำเสนอข่าวอันเป็นเท็จ ไม่เฉพาะกรณีของ อาจารย์น้องไนซ์ แต่รวมถึงเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้านี้ด้วย ที่นำเรื่องราวอันเป็นเท็จ ทั้งที่รู้ไม่จริง และนำเสนอข่าวผ่านรายการสนทนาพูดคุย หรือรายการทอล์กโชว์ ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ จนถึงขั้นแตกแยกเป็นสองฝ่าย ทั้งฝ่ายเห็นด้วยและฝ่ายไม่เห็นด้วยจนทะเลาะกัน ซึ่งข้อความและเรื่องดังกล่าวเป็นเท็จโดยชัดเจน 

วันนี้มีหลักฐานชัดเจนที่นำมามอบให้ ซึ่งสื่อสารมวลชนมีความสำคัญมากในการชี้นำทางความคิด เรื่องการเผยแพร่ข่าวมีความสำคัญมาก และมีบทบาทที่สำคัญในการสื่อสารไปยังความคิดของพี่น้องประชาชน ดังนั้นด้วยเหตุนี้สื่อมวลชนจึงมีบทบาทสำคัญมากในการนำเสนอข้อเท็จจริง และการนำเสนอข้อเท็จจริงต้องเป็นไปตามข้อเท็จและข้อจริง อันไหนเท็จต้องบอกเท็จ อันไหนจริงต้องบอกว่าจริงและต้องนำเสนอทั้งสองด้าน ทั้งด้านที่กล่าวหา และฝ่ายที่ถูกกล่าวหาก็ต้องมาแก้ต่างในเนื้อความเดียวกัน แต่ที่ผ่านมามีสื่อมวลชนบางรายนำเสนอเรื่องราวทำลายฝ่ายตรงข้ามที่เห็นต่าง ทั้งเรื่องศาสนา การเมือง และสังคม รวมถึงเรื่องสถาบันครอบครัวด้วย ทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคม 

จึงนำหลักฐานนี้มาร้องต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกฯ มีคำสั่งไปยังผู้มีอำนาจในเรื่องนี้ ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่ตนนำมาร้องเรียนจริงหรือเท็จอย่างไร หากเป็นจริงก็ขอให้นายกฯ ตั้งคณะทำงานและจัดระเบียบสื่อมวลชนให้ทำงานตามวัตถุประสงค์ และเจตนารมย์แท้จริงของสื่อมวลชนที่ราชการอนุญาตให้ประกอบกิจการ ส่วนสื่อที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการก็ว่ากันไปอีกประเด็นหนึ่ง 

เช่น เรื่องที่อาจารย์น้องไนซ์เรื่องอ้างเป็นพระพุทธเจ้ามาเกิด สื่อก็ยังไม่เคลียร์ประเด็นนี้ ทำให้คนที่ดูคลิปพาดหัวก็ไปดูคอมเมนต์ด่าทอในเป็นเท็จ แต่ก็ยังเสนอซ้ำๆ และสื่ออื่นก็นำไปตีต่ออีก จากคำโกหกในครั้งแรก ทำให้สังคมโจมตีผู้ที่ถูกนำเสนอ และพระก้มกราบเด็ก ก็ไม่เป็นความจริง ไม่เคยมีพระก้มกราบอาจารย์น้องไนซ์เลยมีแต่น้องไนซ์ก้มกราบพระ ซึ่งพระได้รับกิจนิมนต์ของสงฆ์ ไม่เคยไปกราบเด็กหรืออาจารย์น้องไนซ์เลยแม้แต่ครั้งเดียว 

ทนายธรรมราช กล่าวว่า เรื่องของน้องไนซ์นั้นมีทั้งเรื่องความเชื่อ และและเรื่องคำสอน ซึ่งเรื่องคำสอนมีมากมาย แต่สื่อไม่นำเสนอ ไปนำเสนอเรื่องเท็จและใส่ความ ทำให้ถูกโจมตี เรื่องของคำสอนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะเป็นคำสอนที่ออกจากพระไตรปิฎกที่ไม่ได้ผิดเพี้ยน แต่สื่อไปทำให้ผิดเพี้ยนเองและสังคมโจมตีพยายามขุดคุยเรื่องต่างๆ ที่เป็นเท็จ ทั้งเรื่องการอ้างพระพุทธเจ้า และพระกับเด็ก เรื่องเท็จคือพระกราบเด็ก เรื่องจริงคือเด็กกราบพระ 

ทนายธรรมราช กล่าวว่า ส่วนเรื่องการโจมตีแอดมินแต่งกายไม่เหมาะสมนั้น มีอยู่ 2 กรณีคือกรณีที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้คือแอดมินเข้ามาช่วยเผยแพร่ธรรมะ แต่หลังจากนั้นในขณะที่ทำหน้าที่แอดมินก็ไปแต่งชุดว่ายน้ำและไปโพสต์ข้อความธรรมะ ซึ่งน้องไนซ์บอกว่าแบบนี้ไม่เหมาะสม เพราะขณะที่คุณทำหน้าที่เป็นแอดมิน ไปใส่ชุดว่ายน้ำ และไปโพสต์ธรรมะ ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธา ไม่มีความน่าเชื่อถือ ส่วนกรณีที่เพจดังเอาไปโพสต์ เป็นแอดมินอีกคน เป็นเรื่องที่เขาไปทำงานเกี่ยวกับถ่ายแบบ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 62 แต่ปัจจุบันเมื่อเขามาปฎิบัติธรรม ก็ไม่เคยไปแต่งตัวแบบนั้นอีกเลย ภาพนั้นเป็นภาพเก่าซึ่งอาจารย์น้องไนซ์รู้แล้วบอกว่า คนที่เคยทำไม่ดีมาก่อนแล้วกลับตัวกลับใจมาเป็นคนดี มาปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะทุกคนก็เคยอาจทำผิดพลาดได้ และปัจจุบันเขาไม่ได้ไปถ่ายแบบแบบนั้นแล้ว 

เมื่อถามว่า สังคมตั้งคำถามว่า ถ้าสื่อนำเสนอข่าวบิดเบือน ทำให้พระพุทธศาสนาหมดความเลื่อมใสลง ย้อนแย้งกับพฤติกรรมของคนที่ไม่ได้บวชเรียนในพระพุทธศาสนากลับนำคำสอนมาเผยแพร่ ทำให้คนศรัทธาพระภิกษุสงฆ์และพระพุทธศาสนาน้อยลงหรือไม่ ทนายธรรมราช กล่าวว่า ตรงนี้ไม่เกี่ยว เพราะหน้าที่การดูแล และสืบทอดปกป้องพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของพุทธบริษัท4 ไม่ใช่เฉพาะพระสงฆ์เพียงอย่างเดียว ใครก็ตามที่มีความรู้เรื่องพระพุทธศาสนา ก็สามารถบอกบุญเผยแพร่คำสั่งสอนได้ เป็นหลักธรรมชาติและหลักประชาธิปไตยที่ใครสามารถเข้าถึง เรียนรู้และนำมาถ่ายทอดให้กับบุคคลอื่นได้ ไม่ใช่เฉพาะเจาะจงหน่วยงานหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งให้เผยแพร่ได้ 

ส่วนเรื่องวัยวุฒิและเป็นเรื่องของที่มาเราอย่าไปยึดติดตัวบุคคลขอให้ดูแนวทางการปฏิบัติและคำสอนเป็นหลัก แม้วัยวุฒิและคุณวุฒิจะสูงส่งแค่ไหน ถึงชั้นเปรียญธรรม 9 ประโยคก็แล้ว แต่แต่ถ้ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมไม่สมควรเราก็ไม่ควรไปเชื่อ ดังนั้นควรดูการที่ประพฤติ การปฏิบัติและคำสอนเป็นหลัก ผู้ที่ชอบอ้างคุณวุฒิและฐานะทางสังคม แต่ไปบิดเบือนคำสอนนี่น่ากลัวกว่า 

ทนายธรรมราช กล่าวว่า ส่วนคำพูดของอาจารย์น้องไนซ์ที่ระบุว่าไม่แน่จริงนี่หว่า มาจากกรณีที่มีการไปนำเสนอข่าวว่า น้องไนซ์เป็นพระพุทธเจ้ามาเกิด เรื่องนี้เกิดขึ้นมาประมาณเดือน ม.ค. ภาพก็ยังเผยแพร่อยู่ ขอให้ลบก็ไม่ลบ ซึ่งอาจารย์น้องไนซ์ก็ยังทวงถามอยู่ทั้งช่องทางแชต ไลน์ และผู้สื่อข่าว เขาก็ยังไม่ลบจึงต้องใช้คำพูดเตือนสติว่าทำไมคุณนำเสนอข่าวเท็จ ตนยืนยันได้ว่าการนำเสนอข่าวว่า อาจารย์น้องไนซ์อ้างตัวเป็นพระพุทธเจ้ามาเกิดคือข่าวเท็จ ถ้าคุณบอกว่าจริงขอให้นำหลักฐานมา ส่วนที่มีคำพูดลักษณะส่อเสียดเหยียดไปทางเพศนั้น เป็นการเตือนสติคนๆ เดียวที่มากล่าวล่วงพระพุทธศาสนา อย่ามาเอาคุณวุฒิทางการศึกษามาอ้างตน เพราะดูคุณวุฒิอย่างเดียวไม่พอ ต้องดูพฤติกรรมด้วย จบถึงถึงชั้นเปรียญธรรม 9 ประโยค แล้วมาทำพฤติกรรมแบบนี้เหมาะสมหรือไม่ ตนจะร้องเรียนเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่านายกฯ จะรับรู้

สำหรับเรื่องการเชื่อมจิตนั้น เป็นวิธีการ ไม่ใช่คำสอน เป็นวิธีการเข้าสู่วิปัสสนากรรมฐาน และนั่งสมาธิ และยืนยันว่าที่ทนายอนันตชัยตั้งข้อสงสัยว่าน้องไนซ์มีคนมาสอนอีกทีนั้น ตนยืนยันว่าไม่มีใครมาสอนน้องไนซ์ เขารู้ด้วยตัวเอง และน้องไนซ์สอนพ่อแม่และแอดมินด้วย ไปพิสูจน์ได้ เพราะที่ผ่านมาสำนักพุทธศาสนา บอกว่าจะตรวจสอบ ทางครอบครัวก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่การตรวจสอบต้องไม่ป่าเถื่อน และเป็นไปตามกรอบกฎหมายที่สามารถรับได้ของทั้งสองฝ่าย 

ที่ผ่านมาก็มีผู้ใหญ่เข้ามาพูดคุยในทางลับเป็นการส่วนตัว ทั้งสายแพทย์ สายกฎหมาย และสายการเมือง เข้ามาคุยแล้วและอัดคลิปเป็นหลักฐานไว้หมดว่ามาสอบถามได้ประเด็นที่สื่อมวลชนสอบถามน้องไนซ์รู้มาจริงหรือไม่ เขาาก็มาถามเหมือนกันและไม่ได้ถามแค่นี้ เขาก็ถามเรื่องข้อธรรมะด้วย ซึ่งทุกฝ่ายก็ยอมรับหมด เรามีหลักฐานซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมทั้งนั้น เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส