ดักแมงอีนูนเป็นเหตุ ฟันไม่ยั้งดับคาทุ่งนา พบแผลฉกรรจ์หลายแห่ง

15 พ.ค. 67

ดักแมงอีนูนเป็นเหตุ ฟันไม่ยั้งดับคาทุ่งนา พบแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ด้านผู้ก่อเหตุอ้าง มาด่าแม่ก่อน แถมถูกยิง 3 ครั้ง แต่กระสุนไม่ลั่น

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 14 พ.ค. 67 ร.ต.อ.ปรัชญา ทางบ้านฆ้อง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร รับแจ้งมีเหตุคนแทงกัน ที่ ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา 

ส่วนคนก่อเหตุยืนมอบตัวกับตำรวจสายตรวจ ต.นาบ่อคำ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กำแพงเพชร และ พ.ต.อ.กรวิทย์ อ่อนทอง ผู้กำกับการ สภ.เมืองกำแพงเพชร พร้อมกับเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร 

ที่เกิดเหตุอยู่ หมู่ 22 ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้านสร้อยสุวรรณ ต้องขับรถไปตามถนนดินกลางทุ่งนา จากนั้นต้องเดินเท้าเข้าไปในป่าละเมาะและไร่มันสำประหลัง อีกกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งที่เกิดเหตุพบรอยเลือดเป็นกองๆ อยู่ตามพื้น และไม้ 1 ท่อน ซึ่งที่เกิดเหตุมีตาข่าย สำหรับดักจับแมงอีนูนกางขึงอยู่ 

โดย พ.ต.อ.เอนก ได้สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งนางนิล สายทอง อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายกฤษณะ สายทอง อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุแทงนายวิโรจน์ มาทำมา อายุ 42 ปี เสียชีวิต 

โดยก่อนเกิดเหตุ ทั้งผู้ก่อเหตุและผู้ตายได้มากางตาข่ายดักจับแมงอีนูนกัน นางนิล เล่าว่า ตนมาขึงดักตาข่ายไว้เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา และได้เก็บตาข่ายไปแล้ว เหลือแต่ไม้ที่ปักไว้ ต่อมาวันนี้ตนกลับมาดักใหม่อีกครั้งก็เห็นตาข่ายของคนอื่นมาขึงอยู่กับหลักของตน ตนเห็นว่าตาข่ายพันกันจึงเก็บตาข่ายที่ดักไว้ม้วนกับหลัก 

ด้านนายวิโรจน์ผู้ตายได้มาโวยวายหาว่าเก็บตาข่ายของตน ซึ่งนางนิลได้อธิบายว่าเห็นตาข่ายพันกันจึงเก็บม้วนไว้ให้ สร้างความไม่พอใจให้กับนายวิโรจน์อย่างมาก พร้อมกับส่งเสียงโวยวายปรี่เข้ามาจะหาเรื่อง ขณะนั้นนายกฤษณะลูกชายของตนนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่ใกล้ๆ จากนั้นทั้ง 2 คนจึงทะเลาะวาทกัน โดยนางนิลอ้างว่าฝ่ายผู้ตายมีอาวุธปืนมาตบหน้านายกฤษณะ พร้อมทั้งใช้ไม้ตีหลายครั้ง ตนพยายามห้ามแล้วก็ไม่ฟัง นายกฤษณะจึงใช้อาวุธมีดสปาต้าแทงนายวิโรจน์จนล้มลง คนที่เห็นเหตุการณ์จึงพยายามจะนำตัวนายวิโรจน์ขึ้นรถจักรยานยนต์ เพื่อไปส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร แต่ปรากฏว่าไปไม่ได้ จึงต้องวิ่งไปตามหารถกระบะในหมู่บ้านให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล 

ด้านนายกฤษณะ หลังจากที่เกิดเหตุแล้วได้นำมีดเล่มที่ใช้แทงเดินทางไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำตำบลนาบ่อคำ พร้อมทั้งแจ้งเหตุว่า แทงคนพร้อมกับพาตำรวจไปดูที่เกิดเหตุ โดยนายกฤษณะรับสารภาพกับ พ.ต.อ.เอนกว่า ก่อเกิดเหตุตนมาดักแมงอีนูนกับแม่ และเกิดมีปากเสียงกับผู้ตาย ผู้ตายได้ด่าแม่ของตนและเข้ามาทำร้ายตนก่อน โดยใช้อาวุธตบที่ใบหน้า พร้อมทั้งใช้ไม้ตีตนหลายครั้ง 

นายกฤษณะ ยังบอกว่าผู้ตายได้ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงมาที่ตนจำนวน 3 ครั้ง แต่กระสุนไม่ลั่น ตนเห็นดังนั้นจึงชักอาวุธมีดที่ติดตัวมาแทงไปที่ผู้ตาย 1 ครั้ง จากนั้นก็เข้ามอบตัวกับตำรวจ 

ซึ่งในเบื้องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์รายอื่นจึงยังไม่แน่ใจว่าเป็นไปตามที่นายกฤษณะกับแม่บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ซึ่งตำรวจยังต้องสอบสวนในรายละเอียดต่อไปอีก 

ส่วนผู้ตายจากการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นพบว่า ถูกแทงเข้าที่ชายโครงซ้าย 1 แห่งถูกฟันที่หน้าผาก 2 จุด และที่ศีรษะด้านหลังอีก 2 แห่ง รวมทั้งหมด 5 แผล ล้วนแต่เป็นแผลฉกรรจ์ทั้งหมด นอกนั้นยังพบที่ลำคอมีรอยคล้ายถูกเชือกรัดจนเขียวช้ำรอบคอด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องส่งไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก ส่วนอาวุธปีนที่นายกฤษณะกับนางนิลอ้างถึงในที่เกิดเหตุยังหาไม่พบ

 

พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า สรุปว่าสาเหตุเพราะมาแย่งที่ขึงตาข่ายดักจับแมงอีนูนกัน เนื่องจากช่วงนี้ฝนเริ่มตกใหม่ๆ แมงอีนูนจะบินออกมาจากที่ซ่อน เพื่อออกมาจับคู่ผสมพันธ์กัน พอบินออกมาจากรูที่ซ่อนก็จะมาชนติดกับตาข่ายที่ชาวบ้านดักไว้ ซึ่งชาวบ้านจะรวบรวมนำไปขายต่อให้แม่ค้าที่มารับซื้อตัวละ 2-3 บาท ที่เหลือบางส่วนชาวบ้านก็จะเก็บไว้กินเอง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส