เปิดใจคนเหล็ก 2024 เดินเท้าเปล่า 700 กม. กลับบ้านอุดรธานี

29 เม.ย. 67

 

เปิดใจคนเหล็ก 2024 หนุ่มใหญ่ ถูกล้วงกระเป๋า ไม่มีเงินติดตัว ตัดสินใจเดินเท้าเปล่า700 กม. กลับบ้านอุดรธานี เจอ รปภ.สระบุรีใจดีให้จักรยานฟรี ทั้งเดินทั้งปั่น ขาไม่ไหวแต่ใจสู้ 

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า จากกรณีเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา มีพลเมืองพบชายคนหนึ่งเดินจูงจักรยานข้างถนน สายอ.หนองหาน-กุมภวาปี บริเวณบ้านหนองบัวแดง ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี 

จึงเข้าไปสอบถาม ทราบว่าชื่อ นายเดช หรือ อุ๊ด โสภาดี อายุ 50 ปี ชาวบ้านเมืองนาซำ ต.นาไหม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เจ้าตัวบอกเดินเปล่าจากสถานีรถไฟที่กรุงเทพฯ หลังจากถูกโจรล้วงกระเป๋า ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว และตั๋วรถไฟก็ถูกขโมยไปด้วย จึงเดินเท้าเปล่า เพื่อจะกลับบ้าน 

พอมาถึง จ.สระบุรี มี รปภ.ใจดีมอบจักรยานให้ปั่นมาบ้านด้วย ก็เดินทางมาเรื่อยๆ ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 67 จนมีพลเมืองดีมาพบ 

ต่อมาแอดมินเพจบ้านดุงอัปเดตได้นำรถตู้มารับไปส่งถึงบ้านที่บ้านเมืองนาซำ ต.นาไหม ท่ามกลางความดีใจของญาติๆ แต่ญาติบางคนถึงกับช็อกที่ได้เจอนายเดช หลังจากติดต่อไม่ได้กว่า 20 วัน นึกว่าตายไปแล้ว 

เปิดใจคนเหล็ก 2024 เดินเท้าเปล่า 700 กม. กลับบ้านอุดรธานี

ต่อมาวันที่ 29 เม.ย. 67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพื้นที่หมู่ 10 บ้าน เมืองนาซำ ต.นาไหม ซึ่งเป็นบ้านของพี่สาวของนายอุ๊ด พบกับนายอุ๊ด พร้อมภรรยา มีญาติๆ และเพื่อนบ้านเดินทางมาเยี่ยม ถามข่าวคราวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นไงมาไง เจ้าตัวมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมเล่าว่า ถูกล้วงกระเป๋า ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว จึงตัดสินใจเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน หลังจากกลับมาถึงบ้านก็ดีใจ นึกว่าตายแล้ว เกิดใหม่ซะด้วย 

นายเดช กล่าวต่อว่า ตนเองไปทำงานรับจ้างก่อสร้างอยู่ที่บ้านภรรยาที่ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ก็อยากกลับบ้านเทศกาลสงกรานต์มาเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง ก่อนมาภรรยาให้เงินติดตัวมา 1,100 บาท นั่งรถโดยสารจาก อ.บ้านแหลมมาถึงสถานีรถไฟ จำไม่ได้ว่าบางเขน หรือบางซื่อ ช่วงเย็นวันที่ 9 เม.ย. 67 ซื้อตั๋วรถไฟน่าจะออกประมาณสามทุ่มครึ่งก็ไปนอนรอแถวสถานีฯ ก่อนนอนกินข้าวเหนียวส้มตำเกิดง่วงนอนเลยนอนเล่น ตื่นขึ้นมาปรากฎว่ากระเป๋าสตางค์ถูกฉีกทิ้ง ทั้งเงินบัตรประชาชน รวมทั้งตั๋วรถไฟหายไปหมด 

ตกใจมากเดินไปหาตำรวจแถวนั้น เพื่อขอความช่วยเหลือ ตำรวจก็บอกว่ามึงมีปัญญามา มึงก็มีปัญญากลับบ้านได้ ผมเห็นตำรวจพูดแบบนั้นก็เลยเดินออกมาจึงตัดสินใจเอาไงเอากัน ขอเดินกลับบ้านแล้วกัน ก็เดินมาเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักพอมาถึง จ.สระบุรีก็เดินไปขอน้ำกินกับพี่ รปภ.คนหนึ่ง น่าจะเป็นโรงงานไก่ รปภ.ก็ถามว่าจะไปไหนอย่างไร 

เปิดใจคนเหล็ก 2024 เดินเท้าเปล่า 700 กม. กลับบ้านอุดรธานี

ตนก็เล่าให้เขาฟัง เขาสงสารก็เลยยกจักรยานให้เลย บอกว่าปั่นกลับบ้าน พร้อมให้เงินมาจำนวนหนึ่ง ก็ปั่นมาเรื่อยๆ จักรยานเกิดยางรั่ว เงินก็ไม่มีก็ได้จากพระที่ออกบิณฑบาตและชาวบ้านที่สงสารให้ทีละ 10 บาท 20 บาท เอาไว้ซื้อข้าวกินมาเรื่อยๆ 

ปกตินอนตามศาลาริมทางช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืนค่อยเดินและปั่นจักรยาน เพราะอากาศไม่ร้อน ส่วนที่ว่าทำไมไม่แวะให้ตำรวจเขาช่วยตอนนั้น ตนมืดไปหมด และเคยไปขอความช่วยเหลือที่สถานีรถไฟแล้ว เขาบอกมามีปัญญามาก็มีปัญญากลับบ้าน  เลยไม่กล้าไปขอความช่วยเหลืออีก 

ตอนแรกว่าจะกลับ จ.เพชรบุรี ก็ไม่อยากกลับ เพราะภรรยาก็ไม่มีตังค์ จึงตัดสินใจต้องกลับบ้านที่ จ.อุดรธานี ก่อนเดินมายกมือขึ้นท่วมหัวยังไงต้องกลับบ้านไปตายเอาดาบหน้า ตอนเดินทั้งเหนื่อยทั้งท้อ คิดในใจหิวต้องแวะวัด นอนข้างศาลากินผักกระถินกินน้ำที่เหลือตกอยู่ข้าง ตนคิดเสมอใจว่ายังไงต้องตายบ้านเกิด แม้ขาเดินไม่ไหว แต่ในต้องสู้ ต้องมาหาพี่สาวและญาติๆ ให้ได้ดีใจที่ได้กลับมาถึงบ้านแล้วเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เลยขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ทั้งพระชาวบ้านและลุง รปภ.ที่ให้จักรยานปั่นกลับบ้าน ชาตินี้จะไม่ลืมพระคุณเลย 

ทั้งนี้นายอุ๊ดพูดไปก็น้ำตาไหลสะอื้นร้องไห้ออกมา 

ขณะที่นางพัชรี ปัจจะสุชาติ อายุ 60 ปี ภรรยาชองนายอุ๊ด บอกว่า สามีอยากกลับมาบ้านเทศกาลสงกรานต์ จึงให้เงินติดตัวมา 1,100 บาท ออกมาตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.67 สามีไม่มีโทรศัพท์ติดตัว จากนั้นก็โทรหาพี่สาวสามีบอกว่ายังไม่ถึงบ้าน ก็ตกใจขึ้นรถโดยสารมาที่ จ.อุดรธานีทันที ไม่รู้ข่าวคราวเลย ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ทั้งไปแจ้งความคนหาย และก็ไปดูหมอดูให้ท่านช่วย ท่านบอกว่าสามียังไม่ตายเหมือนหลงทางอยู่ ใจเราก็เฝ้ารอ เมื่อวานเห็นหน้าสามีดีใจมากไม่คิดว่าเขาจะรอดมาได้ จากนี้ไปคงให้สามีไปบวชสักระยะที่วัด 

ด้านนางดวงดาว โสภาดี อายุ 51 ปี พี่สาวของนายอุ๊ด บอกว่า น้องชายจะกลับมาเยี่ยมบ้าน เราก็เฝ้ารอ ผ่านวันแล้ววันเล่าก็ไม่เห็น จนภรรยาเขาขึ้นมาวันที่ 17 เม.ย. ไม่เห็นสามีก็ตกใจ พี่ๆ ก็ใจหายไปแจ้งความก็แล้วหาหมอดูก็แล้ว จู่ๆ โผล่มาบอกว่าถูกล้วงกระเป๋า ไม่มีเงินกลับบ้าน ทุกคนที่เป็นญาติและชาวบ้านก็ดีใจ เหมือนน้องชายตายแล้วเกิดใหม่ ดีใจที่เห็นกลับมาบ้านครบ 32

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส