ย้อนรอยเส้นทางชีวิต "จักรภพ เพ็ญแข" หลังต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ 15 ปี ลั่นจากบ้านเกิดเมืองนอนไปหลายปี คิดได้แล้วว่าคนไทยไม่ควรขัดแย้งกัน จะขอมอบตัวสู้คดี แล้วจะขอรับใช้ชาติตามแนวทางของตัวเอง
กลายเป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจหลังจากที่ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2567 เวลา 07.35 น. จักรภพ เพ็ญแข กลับไปรับใช้ เมืองไทยครับ” นับเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี ที่เขาจะได้เหยียบแผ่นดินไทย หลังต้องลี้ภัยทางการเมืองอยู่นาน
ก่อนขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย นายจักรภพ ได้โพสต์คลิปถึงเหตุผลการตัดสินใจกลับไทย โดยระบุว่า ตนเพิ่งนึกได้ว่าหายหน้าไปนานเหลือเกินจนหลายคนถามหา เหตุการณ์ตอนนั้นมีความขัดแย้งเรื่องการเมือง ตนอยู่ข้างหนึ่ง พี่น้องประชาชนอีกหลายคนอยู่อีกข้างหนึ่ง ทำให้มีความเป็นห่วงเรื่องอันตราย สวัสดิภาพส่วนตัว ตนติดตามบ้านเมืองมาโดยตลอดแต่ก็ยังกลับไม่ได้เพราะเหตุการณ์ยังไม่เอื้ออำนวย ตนมาอยู่ต่างประเทศได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกเรื่อง ตนก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่รู้สึกห่วงใยประเทศชาติ เราแสดงความรักประเทศในรูปแบบที่ต่างกัน และตนคิดว่าสามารถเอาความรู้ความสามารถตรงนี้กลับไปช่วยประเทศไทยในช่วงที่โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
นายจักรภพ บอกอีกว่า สิบกว่าปีที่ผ่านมาทำให้ตนคิดได้ว่า เราคนไทยจะมาขัดแย้งกันทำไมในช่วงที่โลกกำลังเกิดการผันผวน ประเทศไทยควรรวมกันเป็นหนึ่งเดียว การหลากหลายทางความคิดเป็นเรื่องดี ไม่น่าจะเป็นเหตุให้ต้องทะเลาะกัน จึงเอาตัวเองเป็นตัวเริ่มต้น ในเมื่อเราคิดก็ต้องทำเองก่อน จึงเดินทางกลับไทยเพื่อกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีคดีเกิดขึ้นหลายคดีต้องกลับไปมอบตัว และหวังว่าจะสู้คดีและอธิบายได้ เมื่อได้อิสรภาพก็จะสามารถรับใช้บ้านเมืองได้ตามใจปรารถนา ตนขออนุญาตกลับบ้าน ตนอยู่ข้างนอกพอแล้วครับ อยากกลับบ้าน
สำหรับเส้นทางชีวิตที่ทำให้นายจักรภพ เพ็ญแข ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนานถึง 15 ปีนั้น เริ่มจากนายจักรภพเป็นที่รู้จักจากบทบาทผู้ประกาศข่าว ที่มากับบุคลิกเงียบขรึม สวมแว่นหนาสีดำ พูดจาฉะฉานจนเป็นที่คุ้นตาของประชาชน
ต่อมา จักรภพ เพ็ญแข ได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล "ทักษิณ ชินวัตร" ก่อนจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในนามพรรคไทยรักไทย 2 ครั้ง แต่ก็สอบตกทั้งหมด ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็น "รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี" ในรัฐบาลทักษิณ 2 พ.ศ.2546 - 2548
หลังจากคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ.2549 นายจักรภพเป็นแกนนำ "แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ" (นปก.) ต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
ต่อมาในปี 2550 พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง นายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นายจักรภพถูกมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่กำกับดูแลสื่อมวลชนภาครัฐ
หลังการยุบพรรคพลังประชาชน นายสมัครถูกเปลี่ยนตัวให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยทักษิณ ชินวัตร นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแทน นายจักรภพซึ่งมีบทบาทในการก่อตั้ง นปก.ก่อนมาเป็น กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทำให้นายจักรภพตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศ ในช่วงเดือนเมษายน 2552
หลังจากนั้น เกิดการรัฐประหารในประเทศไทยในปี 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติออกคำสั่งเรียกให้นายจักรภพไปรายงานตัว แต่เขาไม่มา ทำให้ศาลทหารออกหมายข้อหาฝ่าฝืนการไปรายงานตัว และข้อหามีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง และในปี 2560 ศาลอาญาได้ออกหมายจับในข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่
ด้วยเหตุนี้ ทำให้นายจักรภพต้องลี้ภัยทางการเมืองไปอาศัยอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานานถึง 15 ปี ก่อนจะเดินทางกลับไทยเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (28 มี.ค.67) ซึ่งนายจักรภพได้เดินทางเข้ามอบตัว ก่อนจะได้รับการประกันตัวในคดีอาวุธปืนและอั้งยี่ วงเงินคดีละ 1 แสนบาท
