“ลุงพล” ได้ประกันตัว แถลงเปิดใจ น้อมรับคำตัดสินของศาล

20 ธ.ค. 66

 “ลุงพล” ได้ประกันตัว 5 แสนบาท และแถลงเปิดใจครั้งแรกหลังศาลตัดสิน คุก 20 ปี คดีน้องชมพู่

ภายหลัง "ศาลจังหวัดมุกดาหาร" พิพากษาจำคุก นายไชย์พล วิภา หรือ "ลุงพล" 20 ปี คดี "น้องชมพู่" ใน 2 ข้อหา และได้ประกันตัวออกมาด้วยเงิน 5 แสนบาทนั้น ลุงพลได้เดินทางแถลงเปิดใจทันที โดยก่อนเริ่มแถลงกลุ่มแฟนคลับได้แห่มอบช่อดอกไม้ และช่อเงินจำนวนมาก โดยลุงพลมีสีหน้าเรียบเฉย พร้อมกล่าวว่าน้อมรับในคำตัดสินของศาลชั้นต้น ต่อไปให้เป็นหน้าที่ของทีมทนายทำหน้าที่ต่อ เรื่องการอ่านคำแถลงนั้นฟังไม่ทันเพราะเยอะมาก แต่พอทราบใจความ แต่อธิบายได้ไม่หมด ให้ทีมทนายอธิบายจะดีที่สุด ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี และแฟนคลับทั่วโลก จากนั้นลุงพลไม่สามารถพูดต่อได้พร้อมเริ่มร้องไห้ออกมา และให้ ป้าแต๋น กล่าวต่อว่า ขอบคุณทุกคน วันนี้ศาลตัดสินเราน้อมรับหมด พร้อมต่อสู้ในชั้นต่อไป เชื่อว่าทุกคนจะยังให้กำลังใจป้าแต๋นต่อไป ศาลท่านตัดสินอย่างไรก็น้อมรับ พร้อมต่อสู้ในชั้นต่อไป เรื่องอื่น ๆ เป็นเรื่องของทนายต่อไป ส่วนที่เคยกล่าวว่ามีเรื่องจะพูดถึงคนใกล้ตัวนั้น ยังขอไม่พูด ให้ถึงชั้นของศาลฎีกาก่อน

ด้านนายสุรชัย ชินชัย ทีมทนายความของลุงพล กล่าวว่าจำเลยเคารพในคำพิพากษาของศาลจังหวัดมุกดาหาร และขอขอบคุณที่ศาลเมตตาปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างต่อสู้คดี โทษจำคุกสองกระทงรวม 20 ปี โดยหลักแล้วการจะได้ปล่อยตัวชั่วคราวขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ศาลไม่เชื่อว่าน้องชมพู่จะขึ้นไปภูเหล็กไฟด้วยตนเองได้ เป็นความเชื่อเป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้น ที่เชื่อว่าน้องขึ้นไปที่นั่นไม่ได้ โดยรายงานการสืบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจและพนักงานสอบสวน รวมทั้งพยานบุคคลที่มาเบิกความว่าเด็กในวัยนั้นเคลื่อนไหวร่างกายได้วันละ 6 ชั่วโมง

โดยรายงานตำรวจมองว่าคนที่จะเข้าหาผู้ตายได้มีเพียงเครือญาตเท่านั้น และมีเพียงพลคนเดียวที่มีข้อพิรุธ เวลา 09.11 ในในวันเกิดเหตุลงผลไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจนได้ ซึ่งในทางหักล้างของจำเลยมีพยานคนหักล้างว่าช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ไหนอยู่กับใครและนำเข้าไปเบิกความ

ซึ่งข้อหาพาเด็กไทยจากบิดามารดามีโทษสูงสุด 15 ปี ศาลลงโทษ 10 ปี ส่วนฆ่าคนตายโดยเจตนาศาลมองว่าลุงพลไม่มีเจตนาฆ่า แต่มองว่าเป็นการกระทำการโดยประมาท ศาลจึงระวางโทษ 10 ปี รวมเป็น 20 ปีและยกฟ้องจำเลยทั้ง 2 ในข้อหาอำพรางซ่อนเร้นศพ ส่วนทางแพ่งค่าปลงศพให้จ่าย 150,000 บาท และค่า อุปการะเลี้ยงดู 1,020,000 บาท

ทนายความระบุด้วยว่ากระบวนการต่อไปเป็นหน้าที่ของคณะทนายที่เขียนคำอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้าน ซึ่งกระบวนการพิจารณาของศาลอุทธรณ์คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพิจารณาประมาณ 1-2 ปี ซึ่งผลออกมาได้ทั้งบวกและลบ อาจไปถึงประหารชีวิต หรือ ยกฟ้องเลยก็ได้

ทนายยังเปรียบด้วยว่าในคดีนี้ ถ้าเป็นนักมวยก็จะชก 3 ยก โดยยกที่ 1 ลุงพลไม่ได้แพ้น็อค แต่แพ้คะแนน

ทนายยังยืนยันข้อต่อสู้ทนายยังอยู่ในขั้นตอนเดิม จะแนบติดสำนวนที่อธิบดีภาค 4 และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเห็นแย้ง ซึ่งมองว่าเป็นประโยชอย่างยิ่งกับฝ่ายจำเลย และจะมีการต่อสู้เรื่องไม่มีประจักพยานและเหตุจูงใจที่จะก่อเหตุ และประเด็นดีเอ็นเอ ซึ่งไม่พบดีเอ็นเอลุงพล อีกหนึ่งประเด็นคือสุนัขที่ชื่อปลาส้ม ซึ่งได้เอาครูฝึกสุนัขทหารเชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมของสุนัขมาเบิกความต่อศาลเพื่อหักล้างว่า น้องอาจจะเดินไปเองได้


สุดท้ายลุงพลกล่าวก่อนจบแถลงว่า ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ให้กำลังใจ เจ้าของดอกไม้และพวงมาลัยสวย ๆ ขอบคุณจากใจ ขอให้ทุกท่านสบายใจได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่ได้ทำให้น้องเสียชีวิต

ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค. 66) จะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญและผูกข้อไม้ข้อมือลุงพล - ป้าแต๋น ที่บ้านใน อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ด้วย




 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส