สำนักงานปรมาณูฯ ยืนยัน ไม่พบ ซีเซียม - 137 แพร่กระจายออกจากพื้นที่ของโรงงานหลอมเหล็ก หลังพบฝุ่นเหล็กปนเปื้อนจากกระบวนการหลอม
วันนี้ (20 มี.ค.66) นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แถลงความคืบหน้ากรณีพบวัตถุกัมมันตรังสี "ซีเซียม-137" ที่หายไปโรงไฟฟ้าในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี และพบในภายหลังว่าอยู่ที่โรงงานหลอมเหล็กแห่งหนึ่งใน อ.กบินทร์บุรี
นายรณรงค์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบสารซีเซียมในกระเป๋าบิ๊กแบ็กในเขตของโรงงาน จึงได้ใช้เครื่องมือตรวจวัดถึง 2 ครั้ง คนละเวลา แต่ได้ค่าจากการวิเคราะห์ผลเท่ากัน จึงสามารถยืนยันได้ว่าเป็นสาร ซีเซียม - 137 จึงได้ย้อนกลับไปดูถุงบิ๊กแบ๊กซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากการผลิตเหล็กของโรงงานและเทกลับเข้าไปในเตาหลอม ความร้อน 1,200 องศาฯ พบว่ามีฝุ่นละอองแดงอยู่ภายในระบบปิด และติดอยู่ภายในระบบปิด
เมื่อยืนยันชัดเจนแล้ว จึงปิดพื้นที่ทันทีและให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณรอบข้าง บริเวณแนวกระเป๋าบิ๊กแบ็ก พบว่าขึ้น แต่เมื่อออกมา 10 กว่าเมตร ไม่พบค่าของสารซีเซียมขึ้น
นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบโรงงานหลอมเหล็กพบว่าโรงงานเป็นระบบปิดทั้งหมด เมื่อใช้อุณหภูมิสูงกว่า 1,000 องศาฯ เหล็กจะหลอมละลายเป็นของเหลว เมื่อซีเซียมเจออุณหภูมิเพียง 600 องศาฯ จึงระเหยไปกับเขม่า และเมื่อรีดเหล็กออกมาเป็นแท่งแล้วจะไม่พบ ซีเซียม ในเนื้อเหล็กที่รีดออกมาด้วย แต่จะเหลือเป็นฝุ่นเหล็กจากกระบวนการหลอม
ส่วนฝุ่นแดงที่ถูกตรวจพบจาก 1 ใน 24 ถุงบิ๊กแบ็ก ที่ถูกบรรจุเอาไว้ถูกนำไปถมดินที่หลังโรงหลอม จึงให้เจ้าหน้าที่ขุดขึ้นมาใส่ไในกระสอบเช่นเดิมและทำการปิดล้อมพื้นที่ ก่อนเข้าสู่กระบวรการตรวจสอบการสูญหายของแท่งซีเซียม-137 ว่าอยู่ที่ไหน
นายกิตติกวิน อรามรุญ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือตรวจสอบพบว่าสามารถวัดค่ากัมมันตรังสีซีเซียมได้จากฝุ่นโลหะที่เกิดจากกระบวนการผลิต และตรวจสอบในรัสมี 5 กิโลเมตรโดยรอบโรงงานยังไม่พบความอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิต พร้อมยืนยันว่า วัตถุที่พบการปนเปื้อนอยู่ในพื้นที่ปิด ไม่ฟุ้งกระจาย
นอกจากนี้ นายกิตติกวินยังได้ยืนยันว่า ซีเซียมที่ปนเปือนในฝุ่นโลหะของโรงงาน ถูกควบคุมและจำกัดอยู่ในพื้นที่เฉพาะ ไม่มีการแพร่กระจายออกจากพื้นที่ของโรงงาน
