จากกรณีเมื่อเวลา 05.49 น. ของวันที่ 30 ธ.ค. 65 ตำรวจ สภ.บ้านนาเดิม อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี รับเเจ้งเหตุมีคนถูกฆ่าในพื้นที่ ม.6 ต.บ้านนา อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว อยู่ริมถนนบ้านสวยศรี บริเวณหน้าบ้านมีแคร่ไม้อยู่
พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายศักรินทร์ ชูเเสงศรี อายุ 44 ปี สภาพถอดเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้น ลักษณะนอนพาดอยู่กับแคร่ ถูกยิงเข้าที่หน้าผาก 1 รู, หน้าอก 1 รู, ซี่โครงขวา 1 รู และบนถนนพบปลอกกระสุน 9 มม. จำนวน 3 ปลอก หัวกระสุน จำนวน 2 หัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนคนก่อเหตุหลบหนีไป
ล่าสุดวันที่ 31 ธ.ค. 65 ที่โรงพัก สภ.บ้านนาเดิม เวลา 12.00 น. ตำรวจได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยคือ นายวสิน หรือ ป้อม เจ้าของสวนมะละกอที่ภรรยาของคนตายตั้งข้อสังเกตว่าเคยมีปัญหาถูกกล่าวหาว่าไปขโมยมะละกอในสวน
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการคุมตัวมาสอบปากคำ และได้มีการตรวจค้นเพื่อที่จะหาหลักฐานความเชื่อมโยงว่าก่อเหตุยิงนายศักรินทร์หรือไม่ แต่การตรวจสอบปรากฏว่าไปเจอยาเสพติดและอาวุธปืน 9 กระบอก
จึงได้มีการคุมตัวมาดำเนินคดีในข้อหายาเสพติด ตอนนี้อยู่ในระหว่างการเค้นสอบเพื่อที่จะเชื่อมโยงเกี่ยวกับพฤติกรรมการก่อเหตุ แต่โดยเบื้องต้นเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ”ไม่มีชนวนเหตุใดจะไปยิงคนอื่นตาย”
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเชิญตัวนายวสินมาดำเนินคดีในข้อหายาเสพติด ปรากฏว่าบริเวณชั้นล่างของโรงพัก ได้มีแม่และน้องสาวเดินทางมาพร้อมกับทนายความ เพื่อที่จะขอเยี่ยมและให้ทนายได้พูดคุยกับนายวสิน แต่ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าอยู่ระหว่างการขยายผลความเชื่อมโยงเกี่ยวกับคดียิงนายศักรินทร์ จึงยังไม่อนุญาตให้ญาติหรือทนายความเจอได้ จึงเป็นช่วงที่ญาติได้มีการโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจธุรการชั้นล่าง โดยญาติอ้างว่าต้องการที่จะให้ทนายความอยู่ร่วมในระหว่างการสอบปากคำเพราะเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคดียาเสพติดหรือคดีที่กำลังมีการขยายผล
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ไปตรวจสอบเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายวสิน ปรากฏว่าส่วนใหญ่จะมีภาพโปรไฟล์ถ่ายรูปคู่กับอาวุธปืน ทั้งปืนสั้นและปืนยาว และยังมีการลงคลิปอีกหลายคลิป ซึ่งเกี่ยวข้องกับการซ้อมยิงปืนโดยเป็นการซ้อมยิงที่สนาม แต่ละคลิปนั้นจะสังเกตว่าเจ้าตัวมีการใช้อาวุธปืนอย่างคล่องแคล่วแม่นยำ ยิงเป้าได้ทุกเป้า และทุกครั้งที่เจ้าตัวได้ไปซ้อมยิงปืนจะมีการลงคลิปเอาไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวตลอด
โดย แม่และน้องสาวของ นายวสิน ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า ความต้องการของครอบครัวคืออยากจะให้ทนายความอยู่ร่วมรับฟังในขณะที่มีการสอบปากคำ ทั้งคดีที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในเรื่องของยาเสพติด และรวมถึงกำลังมีการขยายผลหรือสอบปากคำเชื่อมโยงคดีการตายของนายศักรินทร์ เพราะตามหลักแล้วทนายความสามารถอยู่ร่วมกับผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหาได้ แต่ก็ยังสับสนเกี่ยวกับกระบวนการของโรงพักทำไมถึงไม่ให้ญาติหรือทนายความเข้าร่วมรับฟัง เพราะถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาและนับตั้งแต่ที่มีการเชิญตัวมาสอบปากคำจนกระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยหรือเจอกัน
สำหรับเรื่องกรณีที่ถูกกล่าวหา ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายศักรินทร์ ที่มีการนำเสนอข่าวรวมถึงการให้สัมภาษณ์ของภรรยาคนตาย ที่อ้างว่าชนวนเหตุเกิดจากการขโมยมะละกอ ส่วนตัวในฐานะฝั่งของผู้ถูกกล่าวหายืนยันว่าตัวของนายวสิน “ไม่เคยไปกล่าวหาตัวนายศักรินทร์คนตายว่าไปขโมยมะละกอ แม้จะเป็นเจ้าของสวน แต่ไม่เคยไปกล่าวหาใคร และชนวนเหตุแค่เรื่องมะละกอคงไม่ยิงใครตาย แต่ก่อนหน้านี้คนดูแลสวนอีกคนต่างหากที่เป็นคนกล่าวหาว่านายศักรินทร์คนตายขโมยมะละกอ ครั้งนั้นก็ได้มีปากเสียงกันไปแล้ว แต่นายวสินไม่เคยทะเลาะหรือกล่าวหาใครว่าขโมย” และครอบครัวก็เชื่อว่านายวสินไม่มีส่วนเกีย่วข้อง
ด้าน พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่าตนเองได้เดินทางติดตามคดี จากการพูดคุยในเบื้องต้นทราบว่าการก่อเหตุในครั้งนี้มีผู้ก่อเหตุจำนวน 2 คน ซึ่งปมปัญหามาจากหนึ่งในผู้ก่อเหตุที่เป็นมือปืนได้ทำอาชีพการเกษตรปลูกมะละกอและผลผลิตหายบ่อยครั้ง ซึ่งได้ขอความร่วมมือไปฝ่ายปกครองท้องที่ท้องถิ่น รวมถึงชาวบ้านที่อยู่ละแวกดังกล่าวก็ยังถูกขโมยตลอดไม่ได้รับการแก้ไข
ซึ่งจากการพูดคุยในเบื้องต้นยังปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็น ซึ่งในขั้นตอนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนทางผู้ต้องหาสามารถใช้สิทธิขอนำทนายร่วมรับฟังได้ และตามรายงานข้อมูลของชุดสืบสวนยืนยันว่าได้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน มีการขับรถซ้อน 2 เข้าไปก่อเหตุ โดยเบื้องต้นทราบตัวคนขับแล้วคือ นายบอย แต่ส่วนคนซ้อนท้ายอยู่ระหว่างการขยายผล
ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปคุ้มตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 1 คน คือ นายบอย ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทที่นายวสินทำอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเชิญตัวมาสอบปากคำและมีการใช้เวลาในการเค้นสอบระยะหนึ่ง
จนเจ้าตัวรับสารภาพว่า “เป็นคนขับรถจักรยานยนต์สีเทาดำพาชายคนหนึ่งแต่ไม่บอกว่าเป็นใครไปก่อเหตุยิง หลังจากนั้นเอาอาวุธปืนไปทิ้งที่บริษัทปูนและขับรถมอเตอร์ไซค์เอาไปทิ้งอีกจุด”
ภายหลังนายบอยให้การรับสารภาพยอมรับว่าเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์พาชายต้องสงสัยไปก่อเหตุ แต่ไม่ยอมบอกว่าคนที่นั่งซ้อนท้ายคือใคร ตำรวจจึงได้มีการขยายผลโดยพาไปชี้จุดและหาของกลาง โดยชุดแรกเดินทางไปที่บริษัทปูนเพื่อที่จะไปค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ
จากนั้นก็ได้พาตัวไปที่บ้านหลังหนึ่ง ภายในพื้นที่ชุมชนไม่ไกลจากบ้านที่เกิดเหตุ โดยชุดสืบสวนได้เข้าไปพูดคุยและขยายผล แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมว่าบ้านหลังดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการยิงนายศักรินทน์อย่างไร หลังจากพูดคุยก็เชิญคนในบ้านขึ้นรถออกไปด้วย
ด้าน นางละออง ลอดจิต ภรรยา นายศักรินทร์ ผู้ตาย เปิดเผยพร้อมน้ำตาว่า ตนเองก็ไม่คิดว่าแค่เพียงเรื่องทะเลาะกันเกี่ยวกับขโมยมะละกอในสวนจะถึงขั้นเอาปืนมายิงกันตาย โดยก่อนหน้านี้เจ้าของสวนคือ นายวสิน เคยมาว่าจ้างให้สามีและตนเองไปช่วยถอนหญ้าในสวนมะละกอ แต่หลังจากที่ได้รับการว่าจ้างให้ไปถอนหญ้าในสวนดังกล่าวแล้ว ช่วงที่ไม่มีหน้าที่ก็ไม่เคยเข้าไปที่สวนเลย
จนกระทั่งช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุตัวของนายวสินอ้างว่าผลผลิตเก็บได้น้อย มะละกอหาย ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่ามีคนขโมยหรือเจ้าตัวนับผิด สุดท้ายจับมือใครดมไม่ได้ ก็มากล่าวหาชาวบ้านในละแวกใกล้กับสวนมะละกอ อ้างว่าสามีของตนเองรวมถึงชาวบ้านในละแวกนี้แอบขโมยมะละกอ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่มีใครขโมยด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวอาจจะนับผิดหรือตกหล่นหรืออาจจะได้ผลผลิตน้อย
ส่วนตัวยืนยันว่า สามีของตนเองเป็นคนดี เป็นคนขยันทำมาหากิน ไม่เคยมีนิสัยรักเล็กขโมยน้อย และไม่เคยไปขโมยมะละกอใครมา แม้ว่าจะมีบ้านตรงข้ามกับสวนก็ตามแต่ก็ไม่เคยไปยุ่งหรือคิดจะไปขโมยของเขา
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองรับไม่ได้เพราะต้องสูญเสียสามี เพราะเหตุเรื่องแค่เข้าใจผิดหรือคิดไปเองว่าสามีของตนเองไปขโมยมะละกอของเขา และส่วนตัวก็อยากให้คนที่จะทำกับสามีได้รับโทษตามกฏหมาย และที่สำคัญตนเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนมายิง ดังนั้นในเมื่อเห็นว่าตำรวจมีการจับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว ก็อยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
