กรณีเพจ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Part3" มีการนำคลิปจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งมีสองพี่น้อง มาอุ้มเอาเด็กหญิง 4 ขวบ หายออกไปจากหน้าบ้าน โดยในคลิปมีการบรรยายลักษณะทำนองว่าผู้ชายที่อยู่ในคลิปเป็นอดีตแฟนเก่า แอบมาอุ้มลูกสาวหนีหายเงียบไป และติดต่อไม่ได้ ตนเองเป็นห่วงจึงขอให้โซเชียลช่วยตามหา โดนมีวงจรปิดวินาทีพ่อเลี้ยงและน้องสาวพากันอุ้มเด็กออกจากหน้าบ้านไปนั้น
วันที่ 12 เม.ย. 65 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังตำบลบางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบ้านของเด็กหญิงวัย 4 ขวบ พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นลักษณะบ้านสังกะสี มียายและแม่ของเด็กอาศัยอยู่ แต่ในขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่มาในวันนี้นั้น ยังไม่พบว่าตัวของพ่อเลี้ยงที่มีการอุ้มเอาเด็กวัย 4 ขวบไป
นางสาวบุญวิตา ห้วยใหญ่ หรือ น้ำฝน อายุ 23 ปี แม่ของเด็กหญิง 4 ขวบ เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่มียายและคนในครอบครัวคนอื่นอาศัยอยู่ ทราบอีกทีคือลูกสาวหายตัวไป ตนเองก็ไม่รู้ว่าลูกสาวหายไปไหน ด้วยความเป็นห่วงจึงได้ตัดสินใจไปขอดูกล้องวงจรปิดร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ปรากฏว่าเห็นนายวินัย แจ่มแจ้ง หรือ นายไก่ อายุ 37 ปี อดีตสามี และนางสาวกุ้ง น้องสาวของนายไก่ เดินทางมาที่หน้าบ้านในช่วงหัวค่ำของวันที่ 7 เม.ย. เวลาประมาณ 19.30 น. และมีการพาตัวลูกสาวออกไปจากบ้าน ไม่ได้มีการบอกกล่าวใคร ทำให้ตนเองเป็นห่วงและตัดสินใจที่จะออกตามหาลูก แม่ได้ไปหาที่บ้านพักของนายไก่อีกตำบลใกล้เคียง แต่ก็ไม่เจอตัว ก็มีความเป็นห่วงมากยิ่งขึ้น เพราะไม่รู้ว่านายไก่พาลูกสาวไปไว้ที่ไหน
ตั้งแต่วันที่ 7-11 เม.ย. ตนเองและแม่พยายามออกตามหาเบาะแสของลูกสาว ทางบ้านญาติและบ้านคนใกล้ชิดของนายไก่ แต่ก็ไม่เจอลูกสาว จนกระทั่งเริ่มมีนักข่าวเข้ามาทำข่าว โดยในเช้าวันนี้เริ่มปรากฏเป็นข่าวใหญ่ ทำให้นายไก่ติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งว่าวันพรุ่งนี้เวลา 09.00 น. จะมีการนัดไกล่เกลี่ย พร้อมทั้งจะเอาลูกสาวไปคืนที่โรงพัก ส่วนตัวได้ยินข่าวแบบนี้ก็รู้สึกดีใจ และอยากได้ลูกสาวคืนเวลานี้ด้วยซ้ำ ไม่อยากรอให้ถึงวันพรุ่ง นี้เพราะเป็นห่วงลูกสาว กลัวว่าจะเกิดอันตรายหรือโดนทำร้ายร่างกาย
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับนายไก่ ก่อนหน้านี้เคยคบหากันประมาณ 5-6 ปี แต่มีช่วงแรกที่คบหากัน แล้วตนเองก็เลิกรากันไปพักหนึ่ง ไปคบกับผู้ชายอีกคน จนกระทั่งตั้งท้อง แต่ก็เกิดปัญหาเลิกรากัน ตนเองจึงย้อนกลับมาคบหากับนายไก่เหมือนเดิม ซึ่งนายไก่ก็ตัดสินใจที่จะเซ็นรับรองเป็นพ่อของเด็ก ทำให้ในวันที่ลูกสาววัย 4 ขวบคลอด จึงมีนายไก่เป็นพ่อที่รับรองในใบเกิดของโรงพยาบาล และใบแจ้งเกิดของทางอำเภอ จากนั้นตนเองก็อยู่กินกับนายไก่ฉันสามีภรรยา ก็อยู่ด้วยกันตามปกติ จนกระทั่งก่อนที่จะเกิดเหตุประมาณ 2 เดือน ตนเองก็ได้ทะเลาะมีปากเสียงกับนายไก่จึงได้เลิกรากัน และตนเองก็กลับมาอยู่ที่บ้านตามปกติ
แต่ในช่วงที่ตนเองกลับมาอยู่บ้าน นายไก่ก็แอบแวะเวียนมาเที่ยวหาลูกสาว บางครั้งก็แอบซื้อของมาให้ แต่ตนเองก็ย้ำว่าสามารถมาเที่ยวหาได้ในฐานะที่เป็นลูกที่เซ็นใบรับรองให้ แต่จะต้องไม่พาลูกสาวของตนเองไปที่อื่น เพราะไม่ไว้ใจในฐานะพ่อเลี้ยง แต่ตนเองก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายไก่จะตัดสินใจมาอุ้มลูกสาวออกไปจากหน้าบ้าน และเงียบหายไปจนติดต่อไม่ได้จนถึงตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ในการนัดหมายพูดคุยในวันพรุ่งนี้ที่โรงพัก ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ตนเองก็จะแจ้งกับพนักงานสอบสวน ว่าจะขอลูกคืน พร้อมกับกำชับว่าจะไม่ให้นายไก่เข้ามายุ่งวุ่นวาย เพราะเนื่องจากเป็นอดีตไปแล้ว แต่ถ้าหากจะแวะมาเยี่ยมลูกสาว ก็ให้อยู่ภายใต้การดูแลและในสายตาของคนในครอบครัวตนเองเท่านั้น ส่วนเรื่องของการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักพาตัว จะต้องมีการพูดคุยกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าวอีกครั้ง
ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่หมู่ 1 ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี บ้านของนายวินัย แจ่มแจ้ง หรือ ไก่ พ่อเลี้ยงของเด็ก 4 ขวบ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาที่อุ้มลูกเลี้ยงหายไป
นายวินัย พ่อเลี้ยง มีการอุ้มลูกเอาไว้บริเวณหน้ารถมอเตอร์ไซต์ ลูกสาวง่วงนอน จึงได้นอนอยู่บนไหล่ งเจ้าตัวเดินมาคุยกับผู้สื่อข่าวด้วยท่าทีปกติ แต่ก็ตกใจเล็กน้อยที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ และกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าลักพาตัวเด็ก พร้อมเปิดเผยว่า ตนเองก็ไม่คิดว่าการที่ไปพาลูกของตนเองออกมาจากบ้านจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ อาจจะผิดที่ว่าไม่ได้บอกคนที่บ้าน เพราะวันนั้นตัวเองถามแล้วว่ามีใครอยู่หรือไม่ ลูกสาวบอกกับตนเองว่าไม่มีใครอยู่ และเมื่อตนเองไปถึงเห็นลูกสาวเล่นอยู่ข้างถนนกลัวว่าจะเกิดอันตราย จะได้เข้าไปหา แต่ลูกสาวได้ตะโกนเรียกชื่อ “พ่อ ๆ ๆ” พร้อมกับบอกว่า “ไปด้วย” ตนเองคิดว่าไม่มีใครอยู่ และเป็นห่วงลูก จึงได้พาออกมาจากที่หน้าบ้าน และการที่ตัวเองพาลูกมาอยู่ด้วยก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เพราะตนเองเป็นคนรับรองใบแจ้งเกิด และยอมเป็นพ่อให้กับเด็ก ทั้งที่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ก็ตาม
แต่ตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตนเองก็รักเสมือนลูกแท้ ๆ คนหนึ่ง ไม่เคยตี ไม่เคยทำร้าย แต่ในทางกลับกั นฝ่ายของครอบครัวของผู้หญิงมากกว่าที่มีการทำร้ายร่างกายลูกสาว บางครั้งตนเองไปเยี่ยมหรือไปเจอก็จะเห็นรอยช้ำเขียว ตนเองก็เป็นห่วงลูกสาว แต่ยอมรับว่าช่วงประมาณ 1-2 เดือน หลังจากที่มีการเลิกลากับแม่ของเด็ก ก็ต่างคนต่างอยู่ จึงทำให้ตนเองต้องอยู่ห่างจากลูกสาว แต่ก็มีบ้างที่พยายามขอเข้าไปเยี่ยมและดูแลลูก ทางบ้านของผู้หญิงก็กีดกัน ทำให้ตนเองเข้าถึงตัวลูกสาวยาก แต่ในการเข้าไปดูแลตนเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นประเด็นใหญ่ เพราะคิดอย่างเดียวว่าเขาคือลูก และตนเองต้องการที่จะเข้าไปดูแลเขาเท่านั้น
ทั้งนี้ หลังจากที่เกิดเหตุ ตนเองก็ได้มีการประสานไปยังโรงพักพื้นที่ และให้แจ้งไปยังแม่ของเด็กว่าจะมีการนำลูกสาวไปคืน เพราะตอนนี้กลายเป็นประเด็นใหญ่ ไม่อยากให้สังคมเข้าใจผิด แต่เหตุผลที่ตนเองติดต่อกับแม่และครอบครัวของเด็กโดยตรงไม่ได้ เพราะเนื่องจากมีการบล็อกข้อมูลการสื่อสารทั้งหมด
ส่วนกรณีอยู่ในวันพรุ่งนี้ที่มีการนัดหมายเจอกันที่โรงพักเวลา 09.00 น. ตนเองก็เตรียมใจเอาไว้แล้วหากเขาต้องการลูกคืนก็ต้องคืนเขาไป เพราะเป็นได้แค่พ่อที่รับรองตามเอกสารใบแจ้งเกิด ไม่ใช่พ่อตามสายเลือด แต่ถ้าหากเป็นไปได้ตนเองก็อยากจะดูแลลูก เพราะเชื่อว่าลูกก็คงอยากอยู่กับตนเองมากกว่าฝ่ายของผู้หญิง ตนเองก็ไม่ต้องการให้ลูกต้องเจ็บตัวเพราะโดนทุบตี และเมื่อเช้าหลังจากที่เกิดเป็นเรื่องใหญ่ ตนเองก็ได้ถามลูกสาวแล้ว เจ้าตัวก็ยืนยันว่าอยากอยู่กับพ่อ แต่สุดท้ายก็คงทำอะไรไม่ได้
