อึ้ง! หนุ่มฆ่าเพื่อนยัวะชอบอบต.คนละเบอร์ ลงมือจัดฉากฆ่าเผาทั้งเป็น (คลิป)

สืบเนื่องจากเหตุ ร.ต.อ.ชาญวิทย์ ดาวเรือง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี รับแจ้งเหตุว่ายิงกันได้รับบาดเจ็บ และมีเหตุเพลิงไหม้ภายในบ้าน หมู่ 2 ต.ทุ่งทอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยเข้าไปตรวจสอบ

พบผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นชายถูกกระสุนปืนขนาด 7.65 มม. เข้าบริเวณท้ายทอย 2 นัด ท้อง 1 นัด สภาพหมดสติ ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นายนนท์ชัย เล็กดารา อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังที่เกิดเหตุ นอนหายใจรวยริน ก่อนจะสิ้นใจในเวลาต่อมา ขณะที่บริเวณหน้าบ้าน พบเพลิงไหม้รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน ซึ่งจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านเหลือแค่ซาก

วันที่ 3 ม.ค. 65 ช่วงเที่ยง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองขาว สามารถติดตามจับกุมตัวมือปืนที่ก่อเหตุคือ นายรุ่ง จรุงเครืออายุ 50 ปี โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณบ้านของเจ้าตัว พร้อมด้วยอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.หนองขาว

ล่าสุด วันที่ 4 ม.ค. 65 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจได้คุมตัวทางด้าน นายรุ่งเจริญ ผู้ต้องหา เดินทางไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จำนวน 6 จุด โดยจุดแรกที่เป็นที่บ้านของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นจุดที่ทางผู้ต้องหาได้อ้างว่ากำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่เพื่อฉลองวันคล้ายวันเกิด และได้ทราบข่าวจากกลุ่มวัยรุ่นด้วยกันว่าทาง นายนนท์ชัย ผู้เสียชีวิต มีการกล่าวหาว่าทางผู้ก่อเหตุนำกลุ่มวัยรุ่นนอกพื้นที่มาก่อกวนคนในพื้นที่ ซึ่งตอนนั้นเองทางผู้ก่อเหตุรู้สึกโมโหเลยตัดสินใจเดินไปที่บ้านของเพื่อนผู้ตาย ที่ชื่อนายภูมิ เพื่อไปเคลียร์ใจ

ต่อมาจุดที่ 2 ผู้ก่อเหตุอ้างว่าได้เดินทางไปเคลียร์ใจกับทางนายนนท์ชัย ผู้เสียชีวิต ซึ่งตอนนั้นกำลังนั่งตั้งวงดื่มเหล้าอยู่กับเพื่อนของเขาอีกคนที่บ้าน ผู้ต้องหาให้การว่าจุดนี้ตนเองได้มาสอบถามทางด้านคนตายว่าเรื่องราวที่ได้ฟังมาจากเพื่อนอีกคนเป็นความจริงไหม แต่ทางผู้ตายกลับไม่ยอมฟังเหตุผล และมีปากเสียงกัน ก่อนที่ทางผู้ก่อเหตุซุ่มอยู่แถวบริเวณหลังบ้านหลังดังกล่าว เพื่อตั้งใจจะยิง แต่พลาดตรงที่ผู้ตายเองขับรถออกไปช่วงประมาณ ตี 3 ทางหน้าบ้านจึงทำให้ผู้ก่อเหตุเปลี่ยนแผนเพื่อจะกลับไปเอารถตามไปที่บ้าน

ผู้ก่อเหตุเอง การตะโกนพูดคุยกับทางนายสาโรจน์ เพื่อนของคนตายว่า "ฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต และฝากไปงานศพด้วย"

ต่อมาจุดที่ 3 เป็นจุดที่ทางนายรุ่งเจริญ ผู้ก่อเหตุได้เดินทางไปยืมรถวีออสสีดำของเพื่อนเพื่อนำไปก่อเหตุ ก่อนจะเดินทางไปยังจุดที่ 4 ซึ่งเป็นบริเวณฟาร์มแกะของเจ้าตัว เพื่อไปรับทางนายชัยลูกน้องที่ฟาร์มแพะ อ้างกับลูกน้องว่าชวนไปซื้อของ

ผู้ก่อเหตุได้มีการเปิดใจ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า อยากจะขอโทษครอบครัว และแม่ของผู้เสียชีวิต ตลอดจนลูกของผู้เสียชีวิต ยืนยันตนตั้งใจจะส่งเสียหลาน ลูกของคนเสียชีวิต ให้เท่าที่จะช่วยได้ ยืนยันตนไม่ทีเจตนาที่ทำให้ถึงตาย ตนแค่โมโหช่วงนั้น ตอนนี้ตนรู้สึกสำนึกแล้ว หากย้อนเวลาไปได้ตนคงไม่ทำ ก่อนที่ทางเจ้าตัวจะขับรถไปจุดที่ 5 ซึ่งเป็นจุดที่ทางผู้ก่อเหตุไปซื้อน้ำมันเบนซิล 1 แกลลอน เพื่อนำไปก่อเหตุ

สุดท้ายเป็นจุดที่ 6 จุดที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหา พร้อมด้วยนายชัย ลูกจ้างได้ขับรถไปยังบ้านหลังดังกล่าว ก่อนที่เจ้าตัวได้ระบุว่าลงจากรถและไปตะโกนเรียกผู้เสียชีวิต จำนวน 3 ครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ออกมา จึงเกิดความโมโหก่อนที่จะเอาน้ำมันเบนซิลที่เตรียมไว้นำมาราดรถจักรยานยนต์ และราวผ้าที่อยู่หน้าบ้านก่อนจะใช้ไฟเช็กที่เตรียมมาจุดไปเผา หลังจากนั้นก็ได้เดินกลับไปขึ้นรถ จังหวะเดียวกันทางผู้ตายออกมาจากบ้าน ผู้ต้องหาเลยยิงเข้าไปที่บริเวณเอว 1 นัด ก่อนที่จะยิงเข้าที่ลำคอเป็นนัดที่ 2 หลังจากนั้นผู้เสียชีวิตก็ล้มลง เลยตัดสินใจยิงซ้ำเข้าไปที่บริเวณแก้มอีก 1 นัด และขึ้นรถกลับบ้าน

ผู้ต้องหา ระบุว่า "ยืนยันว่าส่วนตัวเคยมีปัญหากันและเคยเคลียร์ใจกันมาแล้วครั้งหนึ่ง คนที่มาด้วยไม่รู้และไม่เกี่ยวข้อง ตนหลอกว่าพามาซื้อหาเเพะ สุดท้ายตนเองอยากบอกผู้ตายว่าไปเกิดเถอะน้อง ชาติหน้าเจอกันยืนยันว่าไม่แค้นแล้ว เพราะหากมองในอีกมุมคนตายก็มีส่วนดี แต่เขามีข้อเสียตอนเมา" เมื่อถามว่ารู้สึกผิดอะไรไหม ผู้ต้องหาบอกว่า "ไม่"

นางบุญสงค์ เล็กดารา อายุ 53 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดใจทั้งน้ำตา ยืนยันว่าเรื่องที่ทั้งคู่มีปากเสียงตนเองไม่ทราบมาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้เองทางผู้ก่อเหตุ และลูกลายของตนก็รู้จักกัน แวะเวียนมานั่งดื่มเหล้ากันบ่อยครั้ง ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาก่อน แม้ว่าอายุจะห่างกัน

ส่วนตัวจะไม่อโหสิกรรมให้ทางผู้ก่อเหตุ จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะนอกเหนือจากชีวิตแล้วทำให้ต้องสูญเสียคนที่เป็นที่รักของครอบครัว หนำซ้ำยังเผาทรัพย์จนเสียหายด้วย พฤติกรรมค่อนข้างโหดร้าย คำพูดที่อีกฝ่ายบอกว่าให้ผู้ตายไปเกิดใหม่ แล้วชาติหน้าเจอกัน ตนอยากบอกว่าไม่ต้องเจอกันอีก ตนไม่ยอม ไม่ต้องมากราบขอขมาศพ ถ้ามาเจอแน่โดนคนรุมทำร้ายแน่ สิ่งที่แค้นใจที่สุดคือทำไมเขาถึงมายิงลูกตนตาย ส่วนลูกของผู้เสียชีวิตเองทั้ง 2 คน ตนก็ตั้งใจที่ว่าจะเลี้ยงดู ญาติเองก็คงช่วยกันดูแล เพราะภรรยาของเขาเองเลิกรากันไปนานแล้ว

ส่วนตัวยังข้องใจปมการเสียชีวิต ไม่ปักใจเชื่อว่าทางคนก่อเหตุจะทำเพียงคนเดียว ในใจคิดว่าจะมีต้องมีมากกว่า 2 คน แม้ว่าทางผู้ก่อเหตุจะสารภาพว่าทำคนเดียว แต่ตนก็คงต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อ

นายสมชาย (นามสมมติ) คนสนิทของทั้ง 2 ฝ่าย เล่าว่า ยืนยันว่าจริง ๆ แล้วทางผู้ตายและผู้ก่อเหตุนั้นสนิทกัน นั่งดื่มเหล้าอยู่วงเดียวกัน โดยทางผู้ตายจะเรียกทางผู้ก่อเหตุว่า "พี่ใหญ่" พร้อมนับถือเป็นพี่คนหนึ่ง ทั้งนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากคำให้การของผู้ก่อเหตุนั้น ไม่ตรงตามความจริงที่ตนรับรู้มาตลอด เพราะจริง ๆ แล้วทางผู้ตายและผู้ก่อเหตุนั้นมีเรื่องบาดหมางใจกันมาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2564 เกี่ยวกับเรื่องความเห็นที่ไม่ลงรอยกันทางเรื่องของการเชียร์ผู้สมัครนายกฯ อบต. กันคนละฝั่ง

หลังจากนั้นก็เริ่มมีเรื่องกระทบกระทั่ง จนเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่บาดหมางคือ มีอยู่คืนหนึ่งที่ทั้งคู่นั่งดื่มเหล้ากัน แล้วทางนายรุ่งเจริญผู้ต้องหา ได้ทำท่าชักปืนคล้ายว่าจะชักขึ้นมายิง ทางผู้ตายก็เลยจะลุกขึ้นเข้าใส่ พร้อมพูดว่า "ทำไม จะทำไม" หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทำให้ทางผู้ก่อเหตุมองว่าคนตายมีลักษณะปีนเกลียว ไม่เคารพ ตลอดจนยังมีวัยรุ่นอีก 3-4 คนที่จะลุกขึ้นเข้าใส่ในวันที่ทางผู้ก่อเหตุชักปืน ซึ่งวัยรุ่นเหล่านั้นเองก็โดนหมายหัวเช่นกัน แต่สุดท้ายทางนายนนท์ชัยกลับโดนคนแรก

ซึ่งตนเองก็เคยเคลียร์ใจกันให้แล้ว ทางคนก่อเหตุเองก็รับปากว่าจะจบ แต่สุดท้ายก็ไม่จบ ไม่ทราบว่าเขาคิดอะไรถึงได้ไปก่อเหตุ ขณะที่ทางผู้เสียชีวิตเองตนอยากจะยืนยันว่าหลังมีเรื่องบาดหมางเขาเองก็พยายามจะหลบ ไม่อยากปะทะกับทางคนก่อเหตุ เลยพยายามเลี่ยงมาตลอด จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าผู้ตายปีนเกลียว ไม่เคารพเขา ส่วนพฤติกรรมเบิ้ลรถมอเตอร์ไซค์ หรือจุดไฟเผาหน้าบ้าน ตนมองว่าเป็นเเผนล่อให้ทางผู้ตายออกมาจากบ้านเพื่อตั้งใจจะฆ่ามากกว่า