แก๊งโจ๋โทรมสาว 12 โต้ร่วมวง แต่แค่ดู - พ่อเด็กรับผิด กระทืบพวกหื่น ปลื้ม “มาร์ค พิทบูล” ช่วย (คลิป)

18 ธ.ค. 61
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพและคลิปวิดีโอ ขณะเข้าทำร้ายเข้าทำร้ายกลุ่มวัยรุ่น พร้อมระบุ ว่าอยากเตือนภัยชาวสระบุรีเนื่องจากลูกสาวตนเอง ถูกวัยรุ่น 5 คนนี้ ฉุดไปรุมโทรมข่มขืนในร้านทุกอย่าง 10 บาท โดยผู้เป็นพ่อเกิดความกังวลใจว่าคดีอาจไม่คีบหน้า รวมล่าสุด เพื่อนของกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยว่าเรื่องดังกล่าวมีการวางแผน (อ่าน : เพื่อนก๊วนโจ๋รุมโทรมเด็กหญิงแฉ วางแผนลงแขก อุ้มข่มขืน - พ่อข้อง ตร. ห่วงอนาคตผู้ต้องหา)
ภพาจากคลิปเหตุการณ์ ขณะที่พ่อ ด.ญ. อายุ 12 ปี บันดาลโทสะ
วันที่ 18 ธ.ค. 61 นายสังวาลย์ สิทธิปัญญา อบต.ผึ้งรวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ให้สัมภาษณ์ในรายการต่างคนต่างคิด ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 เวลา 18.50 น. ว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ตามคลิปทำร้ายร่างกาย เนื่องจากพ่อของกลุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งบอกให้ให้ตนเดินทางไปบ้านของฝ่ายผู้เสียหายเป็นเพื่อน โดยที่ยังไม่ทราบเรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจน เพียงแต่ได้ข้อมูลว่าเป็นเรื่องผู้หญิง เมื่อเดินทางไปถึงบ้านของผู้เสียหาย จึงพยายามสอบถามกับเด็กหญิง แต่แม่ของเด็กหญิงไม่ยอมให้ลูกคุยด้วย จากนั้นก็เกิดการทำร้ายร่างกายตามคลิป ตนเกือบจะถูกพ่อของเด็กทำร้ายด้วยเช่นกัน
นายสังวาลย์ สิทธิปัญญา อบต.ผึ้งรวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี
ตนยืนยันว่า เรื่องเรียกเงิน 30,000 บาท เพื่อจบคดีนั้นเป็นความคิดของผู้ปกครองของของผู้เสียหาย ตนไม่ได้เป็นผู้เสนอความคิดนี้ ต่อมาทราบว่า พ่อของกลุ่มวัยรุ่นอีกคนหนึ่งอ้างว่าจะจัดการเรื่องดังกล่าวเอง นายสังวาลย์  กล่าวอีกว่า ตนเป็นคนรู้จักกับครอบครัวของเด็กวัยรุ่นผู้ก่อเหตุที่ชื่อว่า เบียร์ แต่ในวันดังกล่าว ตนไม่ได้เดินทางไปเพื่อหวังจะมาช่วยกลุ่มผู้ก่อเหตุ ตนเองเป็นกลาง ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด ซึ่งหลังเกิดเรื่องขึ้นก็รู้สึกหนักใจเพราะได้รับความเสียหาย ถูกกล่าวห่าว่าใช้อิทธิพล ทั้งที่ตนไม่ใช่ผู้เสนอว่าจะให้มีการจ่ายเงินเพื่อจบคดี ด้าน นายอาคม พ่อเด็กหญิงเจน (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ยอมรับว่าระงับอารมณ์ไม่อยู่ พร้อมรับสารภาพว่า ทำร้ายร่างกายกลุ่มวัยรุ่นจริง และในคืนวันนั้นการเจรจาจึงล้มเลิกไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งผู้ปกครองวัยรุ่นที่ถูกกล่าวหาว่ารุมโทรมเด็กหญิงที่ถูกทำร้ายร่างกาย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับตนในข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนตัวเองนั้นเมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัววัยรุ่นทั้ง 5 คนไป โดยอ้างว่ายังเป็นเยาวชน จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ภาพจำลองเหตุการณ์ จากคำบอกเล่าของผู้เสียหาย
ตนทราบว่า เด็กหญิงเจนถูกเพื่อนรุ่นพี่ชักชวนให้ไปเป็นเพื่อนเดินทาง เพื่อไปหาแฟนที่ร้านจำหน่ายสินค้าทุกอย่าง 20 บาท บริเวณตรงข้ามวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เขตเทศบาลเมืองสระบุรี แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบแฟนของเพื่อนคนดังกล่าว แต่พบวัยรุ่นชาย 5 - 6 คน รวมตัวกันอยู่ที่ร้าน ซึ่งชายกลุ่มนี้ร่วมกันอุ้มเด็กหญิงเจนเข้าไปในห้อง แล้วผลัดกันกระทำชำเรา คนแรกไม่สำเร็จ คนที่ 2 สำเร็จ คนที่ 3, 4 และ 5 ไม่สำเร็จ อีกทั้งคนเหล่านั้นยังใช้นิ้วกระทำชำเราแทน หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมโทรมแล้ว เพื่อนคนดังกล่าวจึงได้นำตัวมาส่ง แต่เด็กหยิงเจนไม่กล้าเข้าบ้าน จึงไปอาศัยกับเพื่อน กระทั่งผู้เป็นแม่ตามไปรับกลับบ้าน เมื่อคาดคั้นจึงทราบเรื่องราวทั้งหมด ก่อนพาไปตรวจร่างกายที่ รพ.สระบุรี พบว่าที่อวัยวะเพศติดเชื้อ มีหนองไหลออกมา รวมถึงมีอาการเจ็บท้องและเซื่องซึม
นางสาวยู (นามสมมติ) นักศึกษา
นางสาวยู (นามสมมติ) อายุ 18 ปี นักศึกษา เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ร้านขายของดังกล่าว เพราะไม่ได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นกลางดึก จึงไม่มีใครได้ยินเสียง และไม่มีมีใครเห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ และยอมรับว่าส่วนใหญ่ที่บริเวณร้านแห่งนี้ มักมีกลุ่มวัยรุ่นมารวมตัวมั่วสุมกันบ่อยครั้ง ทุกวันจะได้ยินเสียงกลุ่มวัยรุ่นคุยกันเสียงดัง ช่วงตั้งแต่ 19.00 - 20.00 น. จากนั้นก็จะเงียบไป และจะส่งเสียงดังใหม่อีกในช่วงเวลา 22.00 - 01.00 น. แต่บางวันก็จะส่งเสียงดังทั้งคืน แต่ในช่วงกลางคืนจะเปลี่ยนจากนั่งคุยนอกร้าน ไปพูดคุยในร้านแทน และมักจะดึงประตูหน้าร้านปิดไว้ ส่วนตัวไม่ทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวมั่วสุมทำอะไรกัน เพราะร้านนี้ไม่ใช่ร้านเกมส์ และไม่ใช่ร้านเหล้า แต่จากการสังเกตพบว่ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวไม่ได้มีการดื่มสุรา หรือจัดสังสรรค์อะไร มีเพียงบางคนที่ออกมาสูบบุหรี่เท่านั้น และส่วนใหญ่ที่สังเกตพบว่า กลุ่มวัยรุ่นที่มานั่งมั่วสุมกันนั้น เป็นเด็กที่ไม่ได้เข้าเรียน ในระยะหลังการส่งเสียงดังรวมถึงการรวมกลุ่มลดน้อยลง เพราะมีผู้ใหญ่เข้าไปตักเตือน แต่ก็ยังมีการรวมกลุ่มบ้างตามช่วงเวลา
นายต้อม (นามสมมติ) พี่ชายผู้ร่วมก่อเหตุ
นายต้อม (นามสมมติ) พี่ชายของนายเต้ อายุ 16 ปี หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ เปิดใจว่า ครั้งแรกที่ได้ยินข่าวว่าน้องชายก่อเหตุก็ตกใจ และไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนทำ เพราะโดยนิสัยเป็นคนเงียบ ๆ ไม่วุ่นวายกับใคร พูดน้อย แต่ยอมรับว่าน้องชายไม่ได้เรียน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัด จึงได้พักการเรียน จนกระทั่งไปรู้จักกันกลุ่มเพื่อนดังกล่าวในหมู่บ้านเดียวกัน น้องชายเล่าว่า วันเกิดเหตุได้ออกไปขี่รถเล่น เมื่อไปถึงที่ร้านก็ไปเจอกับกลุ่มเพื่อนอยู่ภายในร้านดังกล่าว แต่พบว่าเพื่อนกำลังอยู่ระหว่างข่มขืน ซึ่งตนเองได้ตามไปเจอภายหลัง จึงอยู่ร่วมในจุดเกิดเหตุ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในคนที่ข่มขืน ตอนนี้ครอบครัวก็ยังไม่รู้ทางออกว่าจะต่อสู้คดีอย่างไร เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ข่มขืน นายต้อม ยังเปิดเผยอีกว่า วันหลังเกิดเหตุ ญาติของฝ่ายหญิงได้เรียกให้ไปเจรจาตกลงกัน แต่ในขณะที่ตนเองไป ทุกอย่างก็จบลงแล้ว ทราบว่าน้องชายถูกทำร้ายร่างกายไป โดนชกบริเวณใบหน้าได้รับบาดเจ็บ แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ยืนยันว่า การกระทำของเด็กเกิดขึ้นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และตนเชื่อว่า น้องชายไม่ไปร่วมก่อเหตุอย่างแน่นอน รวมถึงน้องตนเป็นคนไม่ดื่มเหล้า ไม่เกี่ยวข้องกับสารเสพติด เว้นแต่เรื่องของการสูบบุหรี่เท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้อยากจะฝากเตือนสำหรับการดูแลเด็กในปกครอง เฉพาะเด็กที่เป็นผู้หญิง ซึ่งไม่ควรปล่อยให้ออกมาเพียงลำพัง โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน
บรรยากาศประชาชนรอสังเกตการณ์ บริเวณร้านที่เกิดเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และปคม. ได้กันพื้นที่บริเวณหน้าร้านที่เกิดเหตุ เพื่อจะนำตัววัยรุ่นทั้ง 5 คน ไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ ซึ่งภายหลังชาวบ้านในพื้นที่ทราบ จึงได้เดินทางมารอดูจำนวนมาก และจากการสังเกตพบว่าบางคนไลฟ์สถานการณ์ความคืบหน้า และมีบางคนจับกลุ่มคุยกันพูดคุย แสดงความไม่พอใจที่กลุ่มผู้ก่อเหตุ จากนั้นตำรวจได้ประเมินสถานการณ์แล้ว คาดว่ากลุ่มวัยรุ่นที่จะถูกนำตัวมามาทำแผนประกอบรับคำสารภาพ จะได้รับอันตราย และทำให้การทำแผนไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงได้มีการยกเลิกออกไปก่อน
นายอาคม พ่อเด็กหญิงผู้เสียหาย
ขณะที่ นายอาคม เดินทางมาสังเกตการณ์ด้วยเช่นกัน โดยเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาเด็กทั้ง 5 คน ชี้จุดที่ถูกทำร้ายร่างกายกรณีที่ตนเองบันดาลโทสะ โกรธแค้นที่ลูกถูกกระทำ จึงมีการลงมือทำร้ายร่างกายเด็กและผู้ปกครองเด็ก ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ตนเองยอมรับผิดทั้งหมด และตั้งใจเดินทางมาที่จุดทำแผน แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเพื่อจะรุมประชาทัณฑ์ หรือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด รวมถึงจะต้องสืบหาตัวบุคคลที่อ้างเข้ามาเคลียร์ปัญหาให้ โดยให้มีการเจรจาจ่ายเงิน ยอมความกับคดี แต่ในฐานะที่ตนเองเป็นพ่อยอมรับว่าจะไม่มีการเจรจาเกิดขึ้น จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เรื่องของการเจรจาเกี่ยวกับเงิน ตนเองไม่มีแนวคิด ไม่ได้เสนอให้มีการจ่ายเงินเพื่อยุติคดีตั้งแต่ต้น
นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล
ต่อมาเวลา 19.40 น. ที่ สภ.เมืองสระบุรี นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล เดินทางมาพร้อมกับชาวบ้านจำนวนหนึ่ง โดยบอกว่า ตัวเองมาในฐานะประชาชนเพื่อทวงถามความยุติธรรมให้กับเด็กหญิงวัย 12 ปี ที่ถูกรุมข่มขืน ซึ่งเป็นคดีเตือนภัยสังคม และเหตุเกิดขึ้นกลางเมืองใหญ่ ตนกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากได้มีการเร่งรัดคดีเรื่องการทำร้ายร่างกายเด็ก ที่นายอาคมไปทำร้ายร่างกายกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ เพราะบันดาลโทสะไม่พอใจที่ลูกสาวถูกข่มขืน แต่ไม่ได้มีการเร่งรัดในคดีที่เด็กหญิงเพียง 12 ปี ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ