เมียร่ำไห้เชิญวิญญาณผัว ช็อกรถจมคลองตายทุรน ชาวบ้านไม่ช่วยกลัวน้ำลึก (คลิป)
กรณีเจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุกู้ภัยสุรินทร์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีรถเก๋งชนราวสระน้ำ ตกลงในสระน้ำมีคนติดอยู่ภายในรถ ที่บริเวณสระหนองกง ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ จึงได้ประสานไปยัง ร.ต.ท.ภานุวัฒน์ ริมหมู่ดี ร้อยเวร สภ.เมือง จ.สุรินทร์ พร้อมด้วยชุดประดาน้ำของกู้ภัยสุรินทร์ และกู้ชีพสุรินทร์ รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยที่เกิดเหตุเป็นบริเวณสระหนองน้ำ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ หรือชาวย้านเรียกว่า สระน้ำหนองกง พบชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก ชุดประดาน้ำของกู้ภัยสุรินทร์และกู้ชีพสุรินทร์ ได้รีบลงดำลงไปในสระน้ำ เพื่อที่จะช่วยนำร่างผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นคนขับอยู่ภายในรถเก๋งที่จมอยู่ในสระน้ำหนองกงขึ้นมา งมได้ประมาณ 10 นาที จึงนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นจากสระได้ ทราบชื่อต่อมา นายจตุรนต์ แย้มเดช อายุ 52 ปี ครูประถมศึกษา เอกภาษาอังกฤษ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์
นอกจากนี้ กู้ภัยสุรินทร์ได้ลากรถยนต์ ทะเบียน กจ-6979 สุรินทร์ เป็นของผู้ตาย ซึ่งจมอยู่ในสระน้ำ สภาพหน้ารถยุบพังเสียหาย เพราะชนเข้ากับราวสระน้ำ ขึ้นมาจากสระน้ำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานต่อไป
ล่าสุดวันที่ 18 ก.ค.64 เวลา 14.00 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังที่เกิดเหตุ พร้อมกับครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่งญาติผู้เสียชีวิต ได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 4 รูป หมอธรรม 1 คน มาทำพิธีสวดโยงวิญญาณแบบเขมร บริเวณสระน้ำหนองกุง ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์
เมื่อครอบครัวผู้ตายมาถึงที่เกิดเหตุ ผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้านได้เตรียมกระทงของเซ่นไหว้ โดยทำจากก้านกล้วย 3 ก้านประกบกัน รวมถึงนำเสื้อของผู้ตายมามัดห่อกับต้นตระไคร้ เพื่อทำเป็นหุ่นแทนร่างของผู้ตาย จากนั้นหมอธรรม เป็นชายแต่งกายสวมเสื้อขาว สวมผ้าโสร่ง ใช้ผ้าสีดำโพกศีรษะ เป็นผู้เริ่มพาทำพิธีนำสายสิญจน์ผูกกับหุ่น และหย่อนหุ่นลงน้ำ จากนั้นหมอธรรมก็สวดบอกกล่าวดวงวิญญาณให้เข้ามาอยู่ในหุ่น หลังจากสวดเสร็จจึงให้ภรรยาและญาติเรียกวิญญาณผู้ตายกลับบ้าน ซึ่งก็มีลูกสาวของผู้ตายวัย 12 ขวบ ร้องไห้ขณะเรียกวิญญาณ
ขั้นตอนต่อมามีการต่อสายสิญจน์จากหุ่นของผู้ตาย โยงไปหาพระสงฆ์ และให้พระสงฆ์จำนวน 4 รูป สวดมนต์เชิญวิญญาณผู้ตาย หลังเสร็จพิธีครอบครัวได้นำหุ่นดังกล่าวกลับบ้าน เพื่อจะนำไปวางไว้ข้างโลงศพ และจะเผาไปพร้อมกับศพของผู้ตาย
นางภัทรภร แย้มเดช อายุ 62 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงบ่ายวันนี้ตนและญาติก็ได้มาทำพิธีเชิญวิญญาณสามี โดยเป็นพิธีแบบเขมร สำหรับสามีเป็นคนนิสัยดี เป็นที่รักของเพื่อน ๆ ซึ่งสามีจบการศึกษาระดับปริญญาโท ในสาขาพระพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดีย และตำแหน่งเป็นครูประถมศึกษา เอกภาษาอังกฤษ สอนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์
ในวันเกิดเหตุตรงกับวันที่ 16 ก.ค.64 เวลาประมาณ 18.00 น. เพื่อนของสามีที่เป็นครูด้วยกัน ได้โทรศัพท์มาบอกตนว่าสามีขับรถจมน้ำเสียชีวิต ตอนนั้นรู็สึกช็อกและเสียใจมาก เพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว และครอบครัวของตนก็มีกันแค่ 3 คน พ่อแม่และลูกสาววัย 12 ปี ซึ่งสามีรักลูกสาวคนนี้มาก ทุก ๆ เช้าสามีจะเขียนโน๊ตติดตามห้องนอนเพื่อให้ลูกสาวอ่าน ไม่ว่าจะเป็นโน้ตทำงานบ้าน หรือเตือนความจำของลูกสาว
ช่วงเย็นของวันที่ 15 ก.ค.64 ก่อนสามีจะเสียชีวิต 1 วัน สามีได้พูดขึ้นมาว่า "พรุ่งนี้วันเข้าพรรษา จะหันมาเข้าวัด จะหยุดทุกอย่าง และเลิกอบายมุข" ตนยังเอะใจว่าเข้าพรรษาวันที่ 24 ก.ค.64 ทำไมสามีถึงบอกว่าวันที่ 16 ก.ค.64 กระทั่งสามีมาเสียชีวิตในวันที่ 16 ก.ค.64 ตนจึงย้อนกลับไปคิดว่าที่สามีบอกว่าจะหยุดทุกอย่าง อาจเป็นลางบอกเหตุหรือไม่
โดยก่อนที่ตนจะทราบว่าสามีประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ขณะนั้นตนนั่งดูทีวี เห็นเหมือนมีเงาดำ ๆ วิ่งตามบันไดขึ้นไปชั้น 2 ของบ้าน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าคือเงาของอะไร แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน สำหรับสามีปกติแล้วเป็นคนไม่ขับรถเร็ว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าร่างกายสามีอาจเหนื่อยล้า ช่วงเกิดเหตุสามีอาจเห็นอะไรขวางหน้า แล้วตั้งใจจะเหยียบเบรก แต่กลับไปเหยียบคันเร่งแทน ตอนที่รถสามีตกลงไปในน้ำ แล้วมีเสียงแตรดังนั้น ตนคิดว่าสามีคงบีบแตรเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจนเสียชีวิต
ตัวเองก็อยากให้กรณีของสามีเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน ถ้ามีสิ่งของอะไรสามารถเอาไปแลกให้สามีฟื้นกลับคืนมาได้ตัวเองก็จะทำ วันนี้ตัวเองได้มาเห็นสถานที่เกิดเหตุ ยิ่งทำใฟ้ตัวเองหดหู่ใจ มากๆ
น.ส.กาญจนา เตียสุวรรณ ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะเกิดเหตุตนก็เห็นรถของผู้เสียชีวิตขับมาช้า ๆ กระทั่งมาถึงหน้าร้านขายน้ำปั่น ที่อยู่ห่างจากหนองน้ำที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร รถของผู้เสียชีวิตก็พุ่งลงไปอย่างความเร็วและไปชนกับราวเหล็กจมลงหนองน้ำ คาดว่าตอนนั้นผู้เสียชีวิตน่าจะเหยียบโดนคันเร่ง
จากนั้นชาวบ้านก็เข้าไปมุงดูจำนวนมาก แต่ไม่มีใครกล้าลงไปช่วยในช่วงแรก เพราะลักษณะของบ่อน้ำลงไปค่อนข้างยาก ขอบตลิ่งสูง 2 เมตร ซึ่งตอนแรกรถของผู้ตายยังไม่ได้จมน้ำ มีเสียงแตรคาดว่าเขาน่าจะบีบแตรเพื่อขอความช่วยเหลือ จากนั้นก็มีช่างของอู่ซ่อมรถใกล้จุดเกิดเหตุ ลงน้ำไปช่วย โดยเอาค้อนไปทุบกระจกรถเพื่อช่วยเหลือ แต่ก็ทุบกระจกไม่แตก กระทั่งรถของผู้เสียชีวิตค่อย ๆ จมลงไปใต้น้ำและเสียชีวิต
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังมูลนิธิจิบเต็กเซี่ยงตึ้งสุรินทร์ ได้พูดคุยกับนายเขตไผท ชาญเมืองปัก หัวหน้ามูลนิธิจิบเต็กเซี่ยงตึ้งสุรินทร์ กล่าวว่า หลังจากตนได้รับแจ้งเวลาประมาณ 16.00 น. ตนและเจ้าหน้าที่ได้ไปถึงที่เกิดเหตุพบว่ารถยนต์ของผู้เสียชีวิตได้จมน้ำมิดคันแล้ว ทีมกู้ภัยและชุดประดาน้ำจึงดำลงไปเพื่อหาจุดที่รถคันดังกล่าวจม ซึ่งน้ำที่จุดดังกล่าวมีความลึกประมาณ 4 เมตร
ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าผู้เสียชีวิต ได้เสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์แล้ว จากนั้นชุดประดาน้ำก็พบรถยนต์คันดังกล่าว และพบว่ากระจกด้านหน้ารถคันดังกล่าวแตก คาดว่าน่าจะแตกตั้งแต่ตอนพุ่งชนราวรั้วเหล็ก โดยชุดประดาน้ำใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ใช้ค้อนทุบกระจกด้านหน้ารถยนต์ที่แตกอยู่แล้ว และนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นฝั่ง โดยพบว่าผู้เสียชีวิตขณะอยู่ในรถก็ไม่ได้สวมเข็มขัดนิรภัยแต่อย่างใด ส่วนสภาพศพก็ไม่มีบาดแผล
หลังจากนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นฝั่งแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้ใช้รถเครนยกรถของผู้เสียชีวิตขึ้นฝั่ง กรณีที่ผู้เสียชีวิตเปิดประตูออกมาเองไม่ได้นั้น ตนคิดว่ารถคันดังกล่าวน่าจะเป็นระบบไฟฟ้า จึงทำให้ระบบทุกอย่างถูกล็อก และคนขับก็เปิดประตูไม่ได้
Advertisement
