วันที่ 28 ส.ค. 68 นาย สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เดินทางมาติดตามความคืบหน้ากรณีที่เคยยื่นหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับสูงไว้ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา พร้อมนำหลักฐานการรับส่วยสถานบันเทิงของ สน.แต่ละพื้นที่มาโชว์สื่อ อ้างว่านี่คือรายได้ที่สถานีตำรวจเก็บจากสถานบันเทิงในพื้นที่ และส่งส่วยเหล่านี้ถึงระดับกองบัญชาการ
นายสันธนะ กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาติดตามความคืบหน้าว่า หนังสือคัดค้านการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ยศ พล.ต.ท.ที่กำลังจะขึ้นรับตำแหน่ง พล.ต.อ. หรือ รอง ผบ.ตร. ที่ได้ส่งถึง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ จะได้นำเข้าที่ประชุม ก.ตร. ในวันนี้หรือไม่
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการร้องเรียนของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และพล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.
นายสันธนะ กล่าวว่า การพิจารณาเลื่อนตำแหน่งตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 มาตรา 82 ไม่ใช่จะพิจารณาแต่อาวุโสอย่างเดียว ต้องดูความประพฤติและจริยธรรมของข้าราชการตำรวจด้วย อย่างนายตำรวจที่ตนเองร้องเรียนนายนี้ มีหลักฐานชัดเจนเรื่องพฤติการณ์นำเงินจากเว็บพนัน ไปสร้างสถานบันเทิงเพื่อฟอกเงิน เช่น สถานบันเทิงย่านประเสริฐมนูกิจ พระราม 9 และห้วยขวาง ก็มีหลักฐานเส้นเงินชัดเจน ส่งส่วยเดือนละหลายแสนบาท
นายสันธนะ ยืนยันว่า การร้องเรียนครั้งนี้ไม่ได้เกาะกระแสหรือหิวแสง แค่ติดตามความคืบหน้าที่ร้องเรียนเอาไว้ และคาดว่าหนังสือดังกล่าวจะได้รับการพิจารณา เพราะช่วงสองเดือนที่แล้วตัวเองก็เคยร้องเรียนนายตำรวจท่านนี้แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณาใดๆ อีกทั้งในการแต่งตั้งโยกย้ายปีที่แล้วตัวเองก็เคยร้องเรียนนายตำรวจท่านหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดก็ได้ขึ้นตำแหน่ง หากการร้องเรียนครั้งนี้ไม่ได้รับการพิจารณา ตัวเองก็จะเดินหน้าร้องเรียนกับหน่วยงาน ป.ป.ช.ต่อไป
ส่วนกรณีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษาจำคุกนาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ 8 เดือน ฐานหมิ่นประมาท โดยไม่รอลงอาญา นายสันธนะ บอกว่า ยังมีคดีฟ้องร้องกับนายชูวิทย์อีกหลายคดีที่อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนและอัยการ ซึ่งการที่ศาลมีคำพิพากษาออกมาแบบนี้ หลังจากนี้ก็เตรียมจัดปาร์ตี้ฉลอง
ส่วนก่อนหน้านี้ที่สื่อเห็นว่าตนเองและนายชูวิทย์ทักทายกันในศาลก็เป็นเพียงการทักทายเฉยๆ ไม่ได้มีการขอโทษกัน และบนชั้นศาลนายชูวิทย์ก็ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาอยู่ ดังนั้นตัวเองก็ยังไม่ได้ให้อภัย และขอต่อสู้คดีกันต่อ
นายสันธนะ มองว่า การที่นายชูวิทย์ให้ข่าวพูดถึงตัวเองไม่ใช่การพูดกันเพียง 2 คน แต่พูดกับสื่อจนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะฉะนั้นตัวเองก็จะใช้ศาลเพื่อทำความจริงให้ปรากฏ
ส่วนปัญหาเรื่องสุขภาพของนายชูวิทย์ที่ป่วยอยู่นั้น ส่วนตัวไม่เชื่อ เพราะจากการตรวจสอบพบว่า ยังพบว่านายชูวิทย์ยังใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งหลังจากนี้จะยอมความหรืออโหสิกรรมหรือไม่นั้น ตัวเองก็อยากบอกกับ นายชูวิทย์ว่า เวลาอยู่ที่ศาลก็อย่าปฏิเสธ ส่วนเรื่องที่โกรธกันจนขั้นไม่เผาผีนั้น ตอนนี้ชูวิทย์ยังไม่ได้เป็นอะไรขอให้ถึงวันนั้นก่อนเดี๋ยวจะบอกอีกที แต่ไม่รู้ว่าใครจะไปก่อนกัน
Advertisement