รู้จักคนประเภท Echoism คนธรรมดาที่ไม่ได้อยากเด่น-ดัง เป็นจุดสนใจใคร ขั้วตรงข้ามกับคนหลงตัวเอง (Narcissists)
ในสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ จะต้องมีคนประเภทที่อยากหรือชอบได้รับความสนใจ ต้องการคำยกย่องและชื่นชมอยู่ตลอด มองว่าตนเองเหนือกว่าคนอื่น จนขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ทำให้เกิดปัญหาทั้งในความสัมพันธ์และชีวิตประจำวัน ซึ่งเรียกว่า บุคคลที่มีภาวะบุคลิกภาพหลงตัวเอง (Narcissists)
แต่สำหรับคนประเภท Echoism คือขั้วตรงข้ามกับสิ่งที่ได้กล่าวไปข้างต้นทั้งหมด เป็นคนที่ไม่ได้ต้องการเป็นจุดสนใจ ชอบอยู่เงียบๆ ไม่อยากเด่นหรือดัง ตามที่ "ดร. เครก มัลกิน" นักจิตวิทยาและผู้เขียนหนังสือ Rethinking Narcissism ระบุว่า "ผู้ที่มีอาการ Narcissists มักเสพติดความรู้สึกพิเศษ ในขณะที่ผู้ที่เป็น Echoism มักกลัวการได้รับความสนใจ แม้ว่าจะเป็นเรื่องบวกก็ตาม"
Echoism แปลว่า ภาวะสะท้อนกลับ หรือ ลักษณะนิสัยแบบนักสะท้อนเสียง มักถูกมองว่าตรงข้ามกับภาวะหลงตัวเอง (Narcissism) แต่แก่นแท้ของการเป็นภาวะสะท้อนกลับคือความกลัวที่จะดูเหมือนหลงตัวเอง กลัวที่จะเป็นจุดสนใจหรือเป็นภาระของผู้อื่น คนประเภทนี้มักเป็นคนใจดี มีน้ำใจ ถึงขั้นให้และรับน้อยเกินไป ถ่อมตน ชอบให้ความสำคัญกับความชอบของคนอื่น และมักจะคอยประคองอัตตาอันเปราะบางของผู้ที่หลงตัวเอง
Echoism มาจากตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณ นาร์ซิสซัสคือนักล่าที่ถูกสาปให้ตกหลุมรักภาพลักษณ์ของตนเอง ส่วนเอคโคคือนางไม้ที่เคยพูดเก่งและถูกสาปให้พูดซ้ำคำพูดสุดท้ายที่ใครก็ตามพูดกับเธอ เมื่อเธอตกหลุมรักนาร์ซิสซัส สิ่งเดียวที่ทำได้คือพูดซ้ำคำประกาศความรักตนเองของนักล่า การสูญเสียเสียงของเธอทำให้เธอสูญเสียความเป็นตัวเองไปด้วย ในที่สุดนาร์ซิสซัสก็ปฏิเสธเธอ ทำให้พลังชีวิตของเธอลดหายไปจนกระทั่งเธอเสียชีวิต
ในสาขาจิตวิทยา คำว่า Echoism ค่อนข้างใหม่ แม้ว่าจะไม่ใช่ภาวะที่สามารถวินิจฉัยได้เหมือนกับโรคบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง ที่ถูกกล่าวถึงในคู่มือการวินิจฉัยโรคทางจิต (DSM-5) แต่ก็เป็นลักษณะที่วัดได้ว่ามีลักษณะตรงกันข้ามกับ Narcissists
กล่าวโดยสรุปคือ Echoism เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับภาวะหลงตัวเอง แม้ว่าคนหลงตัวเองจะเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองและมักจะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการมากที่สุด แต่ Echoism จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้อื่นมากกว่าความต้องการของตนเอง ส่งผลให้บุคคลนั้นมีพฤติกรรมชอบเก็บตัว ไม่อยากอยู่ในสภาวะที่ถูกจับตาหรือเป็นจุดสนใจของใคร นอกจากนี้ยังมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นที่หนึ่ง ชอบให้ความสำคัญกับผู้อื่นก่อนตนเอง
มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และความอ่อนน้อมถ่อมตน บุคคลประเภทนี้อาจเรียกว่า Empath หรือ Echoist เมื่อนิยามคำว่า Echoist กับ Empath แล้ว Echoism คือแนวโน้มที่เกิดจากความกลัวที่จะให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้อื่น ซึ่งแตกต่างจาก Empath ที่รู้สึกถึงอารมณ์ของผู้อื่นอย่างแท้จริง ในขณะที่ empath เชื่อมโยงกับผู้อื่น แต่ Echoist จะระงับความปรารถนาของตนเอง โดยสะท้อนความต้องการของผู้อื่นแทน
ส่วน โรคหลงตัวเอง เป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพชนิดหนึ่ง ผู้ที่มีความผิดปกตินี้จะมีความรู้สึกว่าตัวเองสำคัญมาก มักสนใจแต่ตัวเอง สนใจรูปลักษณ์ภายนอกและบุคลิกภาพของตัวเองมากเกินไป ภาวะหลงตัวเองยังนำไปสู่พฤติกรรมอันตรายที่เกี่ยวข้องกับความเย่อหยิ่งและการขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น บุคคลที่มีอาการหลงตัวเองอาจต้องการให้ผู้อื่นชื่นชม ซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่เป็นอันตรายได้ในอนาคต
- ความยากลำบากในการยืนยันตัวเอง เป็นเรื่องยากที่จะแสดงความต้องการและความปรารถนาออกมาให้คนอื่นเห็น เพราะคุณไม่ได้อยากเป็นภาระให้กับคนอื่น
- ขี้อาย คนที่มีบุคลิกภาพแบบนี้มักไม่ค่อยอยากเป็นจุดสนใจหรือแทบจะไม่อยากเลย โดยมักจะอยู่เงียบและเก็บตัว
- การเลือกบทบาทสนับสนุน เนื่องจากความขี้อายและความยากลำบากในการแสดงออกอย่างมั่นใจ ชาว Echoism จึงมักเลือกบทบาทเป็นผู้สนับสนุนในกลุ่ม และมักไม่ต้องการอยู่ในตำแหน่งผู้นำ
- เห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากเกินไป พวกเขามีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง และบางครั้งก็รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่นมากกว่าตนเอง
- กลัวว่าตนเองจะเป็นภาระ ชาว Echoism อาจละเลยที่จะแบ่งปันความต้องการของตนเอง เพราะไม่อยากทำให้ใครไม่สะดวกหรือไม่สบายใจ
- ความยากลำบากในการยอมรับคำชม มีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำ และไม่ค่อยกล้ายอมรับคำชม
การเป็นบุคคลประเภท Echoism ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป แต่การชอบให้ความสำคัญกับคนอื่นจนเป็นนิสัย อาจทำให้คุณละเลยความต้องการของตัวเองและขาดความนับถือตนเองได้ การถ่อมตนดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตของคุณ แต่แนวโน้มของคนแบบ Echoism ย่อมลดทอนความเป็นอยู่ที่ดีลงอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ การให้ความสำคัญกับความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่นอาจทำให้คุณมองข้ามความต้องการของตนเอง จนนำไปสู่ความเหนื่อยล้าและคุณค่าในตนเองลดลง มีปัญหาในการยอมรับคำชมเชยหรือความสนใจเชิงบวก ซึ่งอาจนำไปสู่ความเหงาและภาวะซึมเศร้า และหากต้องเผชิญหน้ากับคนที่มีภาวะคนหลงตัวเองอยู่เสมอ คนเหล่านี้มักเผชิญกับความเครียดในระดับสูง และนำไปสู่ความวิตกกังวลเรื้อรัง (Generalized Anxiety Disorder) ต่อได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็น Echoism ยังมีโอกาสที่จะพังทลายประตูบานนี้ทิ้งไป ด้วยการแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริง และพัฒนาตัวตนของคุณ อาจลองทุ่มเทพลังของคุณไปกับความสัมพันธ์กับคนที่สนับสนุนให้คุณเป็นตัวของตัวเอง ยิ่งคุณใช้เวลากับคนที่มีสุขภาพจิตดี และไม่ต้องการให้คุณทำตัวเล็กเพื่อให้พวกเขารู้สึกยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเอาชนะเสียงสะท้อนได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
ที่มา : psychology today
Advertisement