
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท วิเคราะห์บุคลิกลักษณะผู้นำในการรับมือวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ เชื่อมโยงกับระบบสมอง ท่ามกลางเสียงวิจารณ์รับมือล่าช้า
ท่ามกลางวิกฤตน้ำท่วมอย่างรุนแรงในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้ ทำให้บ้านเรือนถูกน้ำท่วมสูง ประชาชนจำนวนมากยังติดค้างอยู่ในบ้านรอคอยการช่วยเหลือด้วยความหวัง บางคนสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงผู้นำในการรับมือและช่วยแก้ไขวิกฤตให้กับประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อน ว่าทำไมถึงล้าช้า ไม่เป็นระบบอย่างที่ควรจะเป็น
ล่าสุด ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท วิเคราะห์ลักษณะบุคลิกผู้นำ ในการรับมือวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ ที่เชื่อมโยงกับระบบสมอง ผ่านเพจ สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ เอาไว้ดังนี้
เมื่อผู้นำ "สายดูเชิง" แก้ปัญหาวิกฤติ
หลายๆ คนบอก การแก้สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้แย่ ทั้งช้า ทั้งไม่เป็นระบบ และทั้งไม่มีประสิทธิภาพ ภาพและผลมันฟ้อง ชัดเจนที่การสั่งการของผู้นำ เป็นแบบนี้แหละ ตั้งแต่สมัยโควิด แต่นั่นดีหน่อย ที่กระทรวงสาธารณสุข ระบบการจัดการในระดับพื้นที่ค่อนข้างแข็งแรง
หากวิเคราะห์ว่าทำไมช้า มันเพราะท่านนายก ท่านเป็นผู้นำบุคลิก "ผู้ดูเชิง the Observer" มากกว่าสาย "ผู้กอบกู้ Rescuer" เมื่อวิกฤตต้องการ "Action" ไม่ใช่ "Analysis" เมื่อ "ผู้ดูเชิง" บัญชาการในนาทีฉุกเฉิน มันก็แบบที่เห็น
คือท่านเป็นสายดูเชิงเป็นนานแล้ว เป็นคนมองจุดเปลี่ยน “wait and See" ดูก่อน ไม่ take risk ไม่เสี่ยง แต่พร้องเอนเอียงเมื่อสถานการณ์ได้เปรียบ เค้าจะ balance ก่อน ว่าจะเข้าพรรคไหน (ตอนเลือกตั้ง) จะดีดหนีเมื่อไหน การรอ เป็นคุณสมบัติเพื่อวิเคราะห์ แต่มันใช้ได้บางเรื่องไง
ในทุกวิกฤต ตั้งแต่ไฟไหม้ น้ำท่วม ไปจนถึงเหตุการณ์ร้ายแรงที่ต้องใช้ความเร็วในการกอบกู้สถานการณ์ "เวลา" คือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด การตัดสินใจที่ล่าช้าเพียงไม่กี่ชั่วโมงสามารถเปลี่ยนสถานการณ์จาก "ควบคุมได้" ให้กลายเป็น "หายนะ" ได้ทันที
เมื่อสถานการณ์ฉุกเฉินเรียกร้องหา "ผู้กอบกู้" (Rescuer) ที่พร้อมจะพุ่งเข้าใส่ปัญหา แต่กลับได้ "ผู้ดูเชิง" (Observer) ที่มีบุคลิกในการวิเคราะห์ ประเมิน และรอให้ทุกอย่างชัดเจนก่อนลงมือ การกระทำนั้นอาจเกิดขึ้นเมื่อ "สายเกินไป"
ผู้ดูเชิงไม่ใช่ไม่เก่ง ท่านนายก ไม่ใช่ไม่เก่ง แต่ไม่เหมาะกับสถานการณ์
ความล่าช้าในสมอง "ผู้ดูเชิง" ยามวิกฤต ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว การตัดสินใจในภาวะฉุกเฉินต้องพึ่งพา System 1 (สมองส่วนที่ทำงานเร็วและอัตโนมัติ) แต่สำหรับผู้นำที่เป็น "ผู้ดูเชิง" มักจะเกิดปรากฏการณ์ 2 อย่างที่ทำให้เกิดความล่าช้า
นี่คือภาวะที่สมองส่วน Prefrontal Cortex (PFC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการคิดเชิงเหตุผล ประเมินทางเลือก และความเสี่ยง ทำงานหนักเกินไป ผู้นำประเภทนี้ต้องการข้อมูลที่ "สมบูรณ์แบบ" หรือ "ความแน่นอน" เกือบ 100% ก่อนที่จะกล้าสั่งการ
ผลลัพธ์ในวิกฤต : ในสถานการณ์ที่ข้อมูลไม่ชัดเจน มีความสับสน และทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การรอความสมบูรณ์แบบนี้เท่ากับการ "ปฏิเสธที่จะตัดสินใจ" ทำให้โอกาสในการแก้ไขปัญหาในช่วง "Golden Hour" หายไป และเมื่อจวนตัว ไม่ถนัดตามนิสัย ระบบก็รวนไปด้วย
บางครั้งการเป็น "ผู้ดูเชิง" ก็คือการป้องกันตัวเองทางจิตวิทยา การตัดสินใจที่รวดเร็วในภาวะฉุกเฉินย่อมมีความเสี่ยงที่จะผิดพลาด แต่การรอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย จะทำให้ผู้นำสามารถอ้างได้ว่า "ไม่มีทางเลือกอื่น" หรือ "ข้อมูลยังไม่เพียงพอ"
ผลลัพธ์ในวิกฤต : แทนที่จะเป็นผู้รับผิดชอบที่กล้าหาญในการกอบกู้สถานการณ์ สมองกลับเลือกที่จะรักษา "ภาพลักษณ์ความรอบคอบ" ไว้ก่อน ทำให้การตอบสนองต่อภัยพิบัติไม่ทันท่วงที
ภาวะผู้นำในยามปกติอาจชื่นชมความรอบคอบและวิสัยทัศน์ แต่ในยามฉุกเฉิน ผู้นำต้องมีความสามารถในการสลับโหมดของสมอง (Cognitive Shift) ให้เป็น "Action Mode" ได้ทันที การเป็นผู้นำที่ดีในวิกฤต จึงไม่ได้วัดกันที่ "ปริมาณข้อมูลที่วิเคราะห์" แต่คือ "ความกล้าหาญในการลงมือทำ" แม้ข้อมูลจะยังไม่สมบูรณ์
เพราะจำไว้เสมอว่า... ในเหตุการณ์ที่เร่งด่วนที่สุด ความเงียบและความล่าช้าของผู้มีอำนาจ คือ "คำตอบ" ที่บาดลึกที่สุดต่อผู้ที่กำลังรอความช่วยเหลือ
หากจะเทียบ เราเทียบกับผู้นำสายกอบกู้ the Rescue ผู้นำสายนี้เกิดเรื่องปุ้บ ถึงหน้างาน ง่ายๆ เราดูผู้ว่า กทม. ท่านชัชชาติ จากนักวิ่งสู่ผู้ว่าฯ ทำไมต้อง "ทำทันที"?
เราคงคุ้นเคยกับภาพของคุณชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯ ที่ออกวิ่งสำรวจพื้นที่ตั้งแต่เช้ามืด และมีสโลแกนติดปากว่า "ทำทันที" หรือ "ลุย" บุคลิกแบบ ผู้ลุยงาน หรือ Action-Oriented นี้แตกต่างอย่างชัดเจนจาก "ผู้ดูเชิง" ที่วิเคราะห์นานเกินไป ผู้นำสายนี้ คือ Get things Done ทำงานให้เสร็จซะ สมองนักลงมือทำ เขาจะต่าง
จะมีพฤติกรรมที่แข็งแกร่ง ไม่หยุมหยิมมากนัก เป็นพลังของ Dopamine และ Habit Loop ผู้นำแบบ "ผู้ลุยงาน" ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่คิด แต่สมองของเขามีกลไกที่เน้น "การเปลี่ยนความคิดให้เป็นการกระทำ" อย่างรวดเร็ว ซึ่งเกี่ยวข้องกับวงจรการให้รางวัลสมอง dopamine ให้รางวัลเมื่องานก้าวหน้า งานเดิน อาจจะเพราะท่านเป็นนักวิ่งด้วยไหม ที่สร้างแรงจูงใจจนเป็นนิสัย แต่ผู้นำสายทำทันทีแบบนี้ บางคนก็จะมีนิสัยไม่รอบคอบไปด้วย แต่ท่านชัชชาติ น่าจะปรับโหมดได้ 2 แบบ
จริงๆ มีผู้นำที่มากกว่านี้ มีพวกผู้นำนิสัย ผู้ฉกฉวยโอกาส เอาหน้าในยามคับขัน กะสร้าง Hero เอ้อ คนมันดูออก นะท่าน มันคือแป้ง
มันมีทุกที่นะผู้นำแบบนี้ ไม่ใช่แบบไหนไม่ดีหรือแย่แต่ขึ้นกับสถานการณ์ หวังว่าตอนนี้น่าจะจัดระบบ ในการจัดการ หรือมีผู้ให้คำปรึกษาที่เชี่ยวชาญแล้ว
ที่มา : สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์
Advertisement