Logo site Amarintv 34HD
Logo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ปรากฏการณ์ใหม่ในยุควิกฤต ทำไม ภาพปลอมจาก AI ถึงระบาดทุกครั้งที่น้ำท่วม

ปรากฏการณ์ใหม่ในยุควิกฤต ทำไม ภาพปลอมจาก AI ถึงระบาดทุกครั้งที่น้ำท่วม

26 พ.ย. 68
11:45 น.
แชร์

ปรากฏการณ์ใหม่ในยุควิกฤต ทำไม ภาพปลอมจาก AI ถึงระบาดทุกครั้งที่น้ำท่วม วิธีสังเกตภาพปลอม ไม่ตกเป็นเครื่องมือผู้ไม่หวังดี

เวลา น้ำท่วม เกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาตอนนี้แทบจะ “คู่ขนาน” กับน้ำที่ไหลบ่า คือกระแส ภาพปลอมที่สร้างด้วย AI ซึ่งถูกแชร์ด้วยความตั้งใจช่วยหรือบางทีก็ด้วยเจตนาบิดเบือน เหตุการณ์นี้ไม่ได้จำกัดแค่ไทย แต่ใน สหรัฐฯ อินเดีย ฟิลิปปินส์ จีน รวมถึงยุโรป การเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ภาพปลอมในวิกฤตภัยพิบัติจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมันเปลี่ยนพฤติกรรมผู้คนที่เสพข่าว ทำให้การตัดสินใจของหน่วยกู้ภัยเพี้ยน และทำให้การช่วยเหลือล่าช้าได้จริง

ภาพ AI ในภาวะวิกฤตจึงไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่มันคือ “โครงสร้างใหม่ของความเสี่ยง” ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ออนไลน์

การแพร่กระจายของภาพปลอมในภาวะน้ำท่วมเป็นปรากฏการณ์ที่ชัดเจนตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา หลังโมเดลสร้างภาพ (image generation models) มีความสามารถสูงขึ้นมาก สามารถสร้างภาพเหตุการณ์ภัยพิบัติได้เหมือนจริงจนคนทั่วไปแยกไม่ออก

สาเหตุหลักที่ทำให้ภาพ AI ระบาดในช่วงน้ำท่วม

1. ภาพน้ำท่วมสร้างง่ายมากสำหรับ AI

น้ำ พื้นผิวสะท้อน เส้นอาคาร ความโกลาหล เป็นแพตเทิร์นที่ AI เรียนรู้จากภาพเหตุการณ์จริงจำนวนมหาศาล จึงสร้างภาพที่ “เหมือนจริง 90–95%” ได้ในไม่กี่วินาที

2. ช่วงวิกฤต = ความเร็วสำคัญกว่าความถูกต้อง

คนแชร์ภาพโดยไม่ตรวจสอบ เพราะคิดว่า “แชร์ไว้ก่อนเผื่อมีประโยชน์” ทำให้ภาพปลอมฝ่าความระมัดระวังไปได้ง่ายที่สุด

3. อารมณ์ของผู้คนในสังคมช่วงน้ำท่วม

ความเครียด–ความกลัว–ความเห็นใจ ทำให้คนตอบสนองต่อภาพแรง ๆ ได้รวดเร็ว ภาพปลอมมักใช้จุดนี้เล่นงาน

4. ใช้ปั่นยอด–ปั่นดราม่า–ปั่นการเมืองได้ง่าย

หลายเพจใช้ภาพปลอมเพื่อเพิ่มยอดแชร์ บางกลุ่มใช้เพื่อโจมตีรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐว่าช่วยช้า ทั้งที่ภาพไม่ใช่เหตุการณ์จริง หรือเป็นภาพจริง เหตุการณ์จริงนั่นแหละ แต่ก็ถูกบิดเบือนปกปิดข้อเท็จจริงด้วยการบอกว่าเป็นภาพปลอม เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์ นี่คือ สถานการณ์ปลอมในปลอมที่ผู้คนต้องมีสติใช้วิจารณญาณอย่างเต็มกำลัง

5. อัลกอริทึมโซเชียลดันภาพ emotional สูงขึ้นฟีด

ภาพปลอมกลายเป็นคอนเทนต์ “ขายดี” ในทุกแพลตฟอร์ม เพราะคนกดแชร์มากกว่าภาพจริงที่มาจากหน่วยงานรัฐ

ในทางจิตวิทยาการสื่อสาร ข่าวที่กระตุ้นอารมณ์จะวิ่งไวกว่าข่าวที่กระตุ้นเหตุผลเสมอ ข้อมูลจริงซึ่งอาจมีความละเอียด เช่น ระดับน้ำสูงกี่เซนติเมตร สถานการณ์อยู่ในจุดไหนบ้าง มักจะตกไปอยู่ท้ายฟีด เพราะไม่สร้างแรงสะเทือนทางอารมณ์เท่าภาพที่บิดเบือนเพื่อให้ดูแย่กว่าเดิม

เพราะแบบนี้เอง “สิ่งที่ถูกแชร์มากที่สุด” ไม่ใช่ “ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด” แต่คือ “ข้อมูลที่กระตุ้นอารมณ์ที่สุด” และ AI ทำงานได้ดีอย่างน่ากลัวในบริบทนี้

ผลกระทบของภาพปลอมต่อการช่วยเหลือในพื้นที่น้ำท่วม

1. หน่วยกู้ภัยถูกเบี่ยงทรัพยากร

มีหลายเหตุการณ์ที่ทีมกู้ภัยต้องส่งเรือไปพื้นที่ที่ “ไม่มีคนติดอยู่จริง” เพราะมีภาพปลอมถูกแชร์ว่า “มีคนโบกมืออยู่บนหลังคา” ทำให้ต้องเสียเวลาอย่างน้อย 30–60 นาที และอาจทำให้ต้องเลื่อนภารกิจที่สำคัญกว่า เช่น การช่วยคนที่ติดอยู่จริงในพื้นที่อื่น

2. ประชาชนตื่นตระหนกเกินเหตุ


ภาพถนนพัง ครึ่งเมืองจมน้ำ หรือเขื่อนแตกที่เป็นภาพปลอม อาจทำให้ผู้คนรีบอพยพโดยไม่จำเป็น ส่งผลให้ระบบจราจรในเขตวิกฤตปั่นป่วน ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนย้ายแบบรีบร้อนโดยไม่จำเป็น

3. ทำให้ข้อมูลจริงมีน้ำหนักลดลง

เมื่อสังคมเริ่มสงสัยว่าภาพไหนจริง ภาพไหนปลอม แม้กระทั่งประกาศของภาครัฐหรือสื่อมืออาชีพก็อาจถูกตั้งคำถาม ทำให้การสื่อสารในภาวะวิกฤต “สูญเสียความน่าเชื่อถือ” ซึ่งอันตรายมากโดยเฉพาะในช่วงที่ต้องอพยพหรือแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า

4. ทำให้ครอบครัวเข้าใจสถานการณ์ผิด

คนที่มีญาติอยู่พื้นที่น้ำท่วม บางครั้งเห็นภาพปลอมแล้วเข้าใจว่าญาติอยู่ในอันตราย ทั้งที่จริงน้ำยังไม่ถึง ทำให้เกิดความเครียด ความสับสน และต้องโทรถามซ้ำ ๆ จนระบบสื่อสารล้นในบางช่วงเวลา

5. สร้างภาพลักษณ์ผิดให้พื้นที่

บางจังหวัดถูกแชร์ภาพปลอมว่าน้ำท่วม “ระดับมหาวิพากษ์” จนกระทบเศรษฐกิจหลังน้ำลด เช่น นักท่องเที่ยวไม่กล้าเข้า ร้านค้าเสียลูกค้าเป็นเดือน ทั้งที่ความเสียหายจริงเล็กกว่าที่ภาพปลอมทำให้คนเข้าใจ

จุดสังเกตภาพปลอม AI

• เงาบางจุดไม่สัมพันธ์กับทิศทางแสง
• ตัวหนังสือบนป้ายบิดเบี้ยวผิดรูป
• ใบหน้าคนไม่คม หรือมีนิ้วเกิน
• เสาของบ้านหรือราวสะพานบิดเป็นคลื่น
• ป้ายจราจรเป็นภาษาอื่นทั้งที่ภาพอ้างว่าเป็นไทย
• พื้นน้ำมี texture ซ้ำซ้อนเป็น pattern เดียวกัน

การเจอ 2–3 จุดในภาพเดียว = เสี่ยงสูงว่าเป็นภาพปลอม

รับมือภาพปลอมในสถานการณ์น้ำท่วม

ประชาชนทั่วไป

• เช็กว่าภาพมี “ที่มา” หรือไม่

• หลีกเลี่ยงแชร์ภาพที่รุนแรงผิดปกติ

• ใช้การค้นหาภาพย้อนกลับ (reverse image search)

• เช็กข้อความกำกับภาพว่ามีรายละเอียดไม่สมจริงหรือไม่

สื่อมวลชน

• ตรวจสอบ metadata ของภาพ

• ตรวจข้อมูลซ้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

• หลีกเลี่ยงการใช้ภาพไม่ระบุที่มาในข่าวสถานการณ์จริง

หน่วยงานรัฐและกู้ภัย

• ตั้งหน่วย fact-check เฉพาะกิจในภาวะวิกฤต

• ใช้กล้องดาวเทียมและโดรนเพื่อยืนยันภาพ

• สร้างช่องทางอัปเดตข้อมูลแบบ real-time ให้ประชาชนเชื่อถือได้ง่ายขึ้น

สรุป : AI ทำให้ “น้ำท่วมบนโลกออนไลน์” หนักพอ ๆ กับน้ำท่วมจริง

น้ำท่วมยุคใหม่ไม่ใช่แค่น้ำที่เอ่อท่วมถนน แต่เป็น กระแสข้อมูลล้น ที่มาพร้อมภาพปลอมจำนวนมาก ผลกระทบไม่ได้อยู่แค่ในโซเชียล แต่สามารถทำให้ภารกิจช่วยชีวิตคนจริง ๆ สะดุดได้

นี่คือโครงสร้างปัญหาใหม่ที่สังคมต้องเรียนรู้ทัน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย “เร็ว ตรงจุด และแม่นยำ” มากที่สุด

ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท.

Advertisement

แชร์
ปรากฏการณ์ใหม่ในยุควิกฤต ทำไม ภาพปลอมจาก AI ถึงระบาดทุกครั้งที่น้ำท่วม