10 กันยายนของทุกปี คือ วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก (World Suicide Prevention Day) "การฆ่าตัวตาย" เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญซึ่งส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางทั้งทางสังคม อารมณ์ และเศรษฐกิจ คาดการณ์ว่าปัจจุบันมีผู้ฆ่าตัวตายมากกว่า 720,000 รายต่อปีทั่วโลก
วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก (World Suicide Prevention Day) จัดขึ้นโดยสมาคมป้องกันการฆ่าตัวตายสากล (IASP) โดยมีองค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นผู้ร่วมสนับสนุน จุดประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ทั่วโลกว่า การฆ่าตัวตายสามารถป้องกันได้
โดยโครงการริเริ่มป้องกันการฆ่าตัวตายระดับโลกขององค์การอนามัยโลก (WHO) เกิดขึ้นในปี 1999 เพื่อแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นทั่วโลกในการป้องกันการฆ่าตัวตาย ได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2003
ในแต่ละปี มากกว่า 720,000 คนทั่วโลก เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย และสำหรับทุกๆ การฆ่าตัวตายที่สำเร็จ จะมีการพยายามฆ่าตัวตายโดยประมาณ 20 ครั้ง |
---|
(โดยเฉพาะภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติจากการใช้แอลกอฮอล์) รวมถึงประวัติการพยายามฆ่าตัวตายในอดีตได้ถูกยืนยันอย่างชัดเจนในประเทศที่มีรายได้สูง แต่การฆ่าตัวตายจำนวนมากก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในช่วงเวลาวิกฤตเช่นกัน
ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายยังรวมถึง การเผชิญกับความสูญเสีย, ความเหงา, การถูกเลือกปฏิบัติ, ปัญหาความสัมพันธ์, ปัญหาทางการเงิน, อาการปวดเรื้อรังและอาการเจ็บป่วย, ความรุนแรง, การถูกทำร้าย, และความขัดแย้งหรือภาวะฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมอื่นๆ
อคติทางสังคมที่มีต่อปัญหาสุขภาพจิตและการฆ่าตัวตาย ทำให้หลายคนที่กำลังคิดฆ่าตัวตายไม่กล้าไปขอความช่วยเหลือ การฆ่าตัวตายและการพยายามฆ่าตัวตายจะส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ต่อครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน ชุมชน และสังคม
สรุปข้อเท็จจริงที่สำคัญ |
---|
ทุกปีมีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายมากกว่า 720,000 ราย |
การฆ่าตัวตาย เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ในกลุ่มคนอายุ 15–29 ปี |
73 % ของการฆ่าตัวตายทั่วโลกเกิดขึ้นในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง |
สาเหตุของการฆ่าตัวตายมีหลายแง่มุม โดยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางสังคม วัฒนธรรม ชีววิทยา จิตวิทยา และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นตลอดช่วงชีวิต |
ในทุกๆ การฆ่าตัวตาย ย่อมมีคนจำนวนมากที่พยายามฆ่าตัวตาย การพยายามฆ่าตัวตายครั้งก่อนถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการฆ่าตัวตายในประชากรทั่วไป |
การสำรวจในปี 2566 โดยกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีผู้เข้าร่วมสำรวจกลุ่มเสี่ยงกว่า 7,000 คน และผู้ดูแลและญาติกว่า 11,000 คน
เผยให้เห็นว่า แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว ผู้คนจะทราบว่าควรขอความช่วยเหลือจากที่ใดหากมีความคิดฆ่าตัวตาย แต่ก็มีข้อกังวลว่าเนื้อหาสื่อที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดพฤติกรรมฆ่าตัวตายรุนแรงขึ้น
Advertisement