Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ปลอมแบบตะโกนแต่ทำไมคนยังเชื่อเฟกนิวส์อย่างสนิทใจ เผย 3 ปัจจัยล้างสมอง

ปลอมแบบตะโกนแต่ทำไมคนยังเชื่อเฟกนิวส์อย่างสนิทใจ เผย 3 ปัจจัยล้างสมอง

29 ก.ค. 68
13:45 น.
แชร์

ทำไมบางคนถึงเชื่อ “เฟกนิวส์” อย่างสนิทใจ? ไม่ใช่ความโง่ล้วนๆ แต่มันคือสมอง + สังคม + ระบบ

ในยุคที่ข้อมูลหลั่งไหลอย่างมหาศาลตลอด 24 ชั่วโมง ข่าวสารเดินทางด้วยความเร็วผ่านปลายนิ้ว หลายคนพบว่า “ความจริง” กลับกลายเป็นสิ่งที่สับสนยากจะจับต้อง โดยเฉพาะเมื่อ “ข่าวปลอม” หรือที่เรียกกันว่า “เฟกนิวส์ (Fake News)” กระจายไปไวและถูกแชร์มากกว่าข่าวจริงหลายเท่าตัว

เรามักเผลอตีตรา “คน” หรือ “กลุ่มคน” เหล่านั้นว่า “ต้องโง่แน่ๆ” แต่ความจริงคือ การเชื่อเฟกนิวส์ไม่ใช่เรื่องของความโง่เพียงอย่างเดียว หากแต่มันเป็นผลลัพธ์ของปัจจัยหลายอย่างที่ซับซ้อน ตั้งแต่การทำงานของสมอง กลไกทางจิตวิทยา บริบทสังคม เทคโนโลยี ไปจนถึงพฤติกรรมของสื่อและอัลกอริทึม

“ทำไมบางคนถึงเชื่อเฟกนิวส์อย่างสนิทใจ ทั้งที่มันดูไม่น่าเชื่อเลย?”

1. สมองมนุษย์ : ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อแสวงหาความจริงเสมอไป

แม้เราจะคิดว่าตนเองเป็น “สัตว์มีเหตุผล” (Rational Animal) แต่ความจริงคือ สมองของเราถูกออกแบบให้ “เอาตัวรอด” มากกว่า “หาความจริง”

1.1 Confirmation Bias – เชื่อในสิ่งที่อยากเชื่อ

มนุษย์มีแนวโน้มเชื่อสิ่งที่ “สอดคล้องกับความเชื่อเดิม” มากกว่าสิ่งที่ขัดแย้ง แม้สิ่งนั้นจะมีหลักฐานรองรับดีกว่า

ตัวอย่างเช่น

หากเรามีความเชื่อว่าการฉีดวัคซีนไม่ปลอดภัย เราจะเลือกเชื่อข่าวปลอมเกี่ยวกับอันตรายของวัคซีน มากกว่าข่าวที่อธิบายถึงความปลอดภัยด้วยข้อมูลจาก WHO หรือหน่วยงานวิจัยระดับโลก

1.2 Cognitive Ease – สิ่งคุ้นเคยดูน่าเชื่อกว่าสิ่งใหม่

สมองมนุษย์มีแนวโน้มจะ “เชื่อ” ข้อมูลที่เห็นบ่อย เพราะความคุ้นเคยทำให้เรารู้สึกสบายใจ ข้อมูลที่เห็นซ้ำๆ จึงถูกตีความว่า “น่าจะจริง” แม้ไม่มีหลักฐานใดๆ

เช่น ข่าวลือเกี่ยวกับนักการเมืองคนหนึ่งว่าคอร์รัปชัน อาจไม่มีหลักฐานเลย แต่ถ้าเห็นแชร์ซ้ำๆ ผ่านหลายเพจ หลายกลุ่ม คนก็เริ่มเชื่อว่า “น่าจะจริง”

1.3 Pattern Recognition – สมองชอบ “โยงเรื่องราว”

มนุษย์ถูกออกแบบให้มองหา “รูปแบบ” เพื่อเข้าใจโลกและเอาตัวรอด ดังนั้น บางครั้งสมองจึงสร้าง “เรื่องราวปลอม” ที่ฟังดูสมเหตุสมผลแม้จะไม่จริง

เช่น พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา อ้างว่า "ไม่มีเสียงปืนดังขึ้นตามแนวชายแดน" และทั้งสองฝ่ายได้หยุดยิงโดยสมบูรณ์ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 กองทัพไทย ปฏิเสธคำแถลงการณ์ดังกล่าว ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง โดยฝ่ายกัมพูชา เป็นฝ่ายที่ยังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของไทยในหลายจุด หลังเส้นตายข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจนถึงการละเมิดพันธกรณีทั้งที่ผู้นำทั้งสองประเทศเพิ่งลงนามร่วมกัน

2. อารมณ์มีอำนาจเหนือเหตุผลมากกว่าที่คิด

2.1 ข่าวที่กระตุ้นอารมณ์ = แชร์ง่ายกว่า

งานวิจัยจาก MIT พบว่า ข่าวปลอมถูกแชร์มากกว่าข่าวจริงถึง 6 เท่า โดยเฉพาะข่าวที่กระตุ้น “ความโกรธ ความกลัว ความตกใจ” เพราะระบบประสาทของเราตอบสนองเร็วมากกับข้อมูลที่เป็นภัยหรือทำให้รู้สึก “ไม่ปลอดภัย” มันคือกลไกเอาตัวรอดดั้งเดิมของมนุษย์

2.2 Sense of Control – เฟกนิวส์ให้ความรู้สึกว่า “ควบคุมได้”

คนจำนวนมากรู้สึกไม่มั่นคงในโลกที่สับสนและซับซ้อน การเชื่อทฤษฎีสมคบคิดหรือข่าวปลอมช่วยให้พวกเขา “รู้สึก” ว่าตัวเองเข้าใจโลกนี้ได้

3. โลกโซเชียล : เครื่องจักรเร่งผลิตข่าวปลอม

3.1 Echo Chamber : โลกที่มีแต่เสียงของฝั่งเดียว

ในโซเชียลมีเดีย เรามักติดตามคนที่คิดคล้ายกับเรา ทำให้เห็นแต่ข้อมูลที่ “สอดคล้อง” กับความเชื่อเดิม จนกลายเป็นห้องเสียงสะท้อน (Echo Chamber) ที่ไม่มีใครคัดค้าน

ถ้าคุณเชื่อว่าวัคซีนอันตราย และคุณอยู่ในกลุ่มคนที่เชื่อเหมือนกัน คุณจะได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียว และรู้สึกว่า “ทุกคนก็เชื่อเหมือนกัน”

3.2 อัลกอริทึม = ป้อนสิ่งที่คุณอยากเห็น ไม่ใช่สิ่งที่จริง

Facebook, YouTube, TikTok ใช้อัลกอริทึมแสดงเนื้อหาที่ “เรามีแนวโน้มจะชอบ” ไม่ใช่เนื้อหาที่เป็นกลาง

ผลคือ หากคุณเริ่มสนใจทฤษฎีสมคบคิด ระบบจะแสดงเนื้อหาแนวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็น “โลกแห่งข่าวปลอม” โดยที่คุณไม่รู้ตัว

4. ความรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) ยังต่ำ

4.1 คนจำนวนมากไม่แยกแยะแหล่งข่าว

การศึกษาในหลายประเทศพบว่า คนจำนวนมากไม่สามารถแยกแยะได้ว่า “เว็บไซต์ไหนน่าเชื่อถือ” หรือ “แหล่งข่าวไหนปลอม”

บางคนเห็น URL แปลกๆ เช่น “health-now-news.org” แล้วคิดว่าเป็นขององค์การอนามัยโลก ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องเลย

4.2 พาดหัว Clickbait หลอกคนได้ง่าย

พาดหัวที่เขียนอย่างเร้าอารมณ์และชวนเข้าใจผิดถูกออกแบบมาให้คน “กดเข้าไป” หรือ “แชร์ทันที” โดยไม่อ่านเนื้อหา

เช่น “ด่วน! นักวิทยาศาสตร์ช็อก! วัคซีนอันตรายกว่าที่คิด” – พอเข้าไปอ่าน กลับไม่มีข้อมูลจริงรองรับเลย

5. สภาพแวดล้อมทางสังคมเอื้อต่อการหลงเชื่อข่าวปลอม

5.1 แรงกดดันทางสังคม = แชร์ตามกลุ่ม

บางคนแชร์ข่าวปลอมเพราะกลัวว่า “จะไม่อินเทรนด์” หรือ “กลัวโดนมองว่าไม่รู้เรื่อง” ในกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว

เช่น ในกลุ่มไลน์ครอบครัวมีคนแชร์ข่าวว่า “ดื่มน้ำมะนาวป้องกันโควิด” แล้วคนอื่นๆ ก็แชร์ต่อโดยไม่ได้ตรวจสอบ เพราะเชื่อว่า “คุณป้าคงเช็กแล้ว”

5.2 การศึกษาไม่ได้สอน Critical Thinking การคิดเชิงวิพากษ์

ระบบการศึกษาหลายประเทศรวมถึงไทย มักเน้นการท่องจำ ไม่ได้ฝึกให้คนคิดเชิงวิพากษ์ หรือแยกแยะข้อมูลจริง-เท็จ

คนที่มีการศึกษาสูงก็อาจเชื่อข่าวปลอมได้ หากไม่ได้รับการฝึกให้ “ตั้งคำถาม”

6. คนฉลาดก็หลงเชื่อเฟกนิวส์ได้

แม้เราจะคิดว่าคนเชื่อเฟกนิวส์คือคนไม่ฉลาด แต่งานกลับพบว่า

• คนที่มีการศึกษาดี ก็สามารถ “ตกเป็นเหยื่อ” ได้เช่นกัน โดยเฉพาะถ้ามีอคติทางการเมือง

• คนที่เชี่ยวชาญบางเรื่อง (เช่น วิศวกร) อาจคิดว่าตนเองเข้าใจทุกเรื่อง แม้จะไม่มีความรู้ด้านสุขภาพหรือสื่อสารมวลชน เรียกอคติแบบนี้ว่า Overconfidence Bias ความมั่นใจเกินเหตุ

7. แพลตฟอร์มดิจิทัลไม่ได้คัดกรองข่าวเท็จเสมอไป

7.1 ไม่มีมาตรการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ

แม้หลายแพลตฟอร์มจะมีนโยบายต่อต้านเฟกนิวส์ แต่ความเร็วในการแพร่กระจายและจำนวนเนื้อหามหาศาล ทำให้ยากต่อการควบคุม

7.2 ข่าวปลอมทำเงินได้มาก

ข่าวปลอมมักถูกสร้างเพื่อคลิก-วิว-โฆษณา หรือเพื่อสร้างอิทธิพลทางการเมือง มีแรงจูงใจทางการเงินมหาศาลอยู่เบื้องหลัง

“การเชื่อเฟกนิวส์” ไม่ได้สะท้อนถึงความโง่ แต่สะท้อนถึงการทำงานของสมองมนุษย์, อารมณ์, เทคโนโลยี, และบริบททางสังคม

เราอยู่ในโลกที่ข่าวปลอมกระจายเร็วและแรงกว่าข่าวจริง อัลกอริทึมไม่รู้จัก “ความจริง” และอารมณ์ของมนุษย์ก็ง่ายต่อการถูกจูงใจ

ทางรอดเดียวคือการสร้างสังคมที่มีทักษะรู้เท่าทันสื่อ และยอมรับว่า “ความจริง” ต้องอาศัยความพยายามมากกว่าคลิกเดียว

อ้างอิง

- Stanford History Education Group. (2016). Evaluating Information: The Cornerstone of Civic Online Reasoning

- Fake news: Why do we believe it?

- Why do People Fall for Fake News?

- https://cclickthailand.com

Advertisement

แชร์
ปลอมแบบตะโกนแต่ทำไมคนยังเชื่อเฟกนิวส์อย่างสนิทใจ เผย 3 ปัจจัยล้างสมอง