Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ร้อนใน แผลในปาก เพราะดื่มน้ำน้อย จริงหรือ? ภาวะแทรกซ้อนจากอาการร้อนใน

ร้อนใน แผลในปาก เพราะดื่มน้ำน้อย จริงหรือ? ภาวะแทรกซ้อนจากอาการร้อนใน

27 พ.ค. 68
16:57 น.
แชร์

ร้อนใน แผลในปาก เพราะดื่มน้ำน้อย? ทาเกลืออัดลงไปบนแผลทำให้หายเร็วขึ้น จริงหรือ? ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ วิธีป้องกันแผลร้อนในซ้ำซาก

แผลร้อนใน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "แผลในปาก" เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์รู้สึกเจ็บแปลบเมื่อพูด กิน หรือดื่ม โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับอาหารรสจัดหรือเปรี้ยว แผลร้อนในแม้จะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ก็ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในแต่ละวันไม่น้อย และในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ลึกซึ้งกว่านั้น

แผลร้อนในเกิดจากอะไร? ดื่มน้ำน้อยจริงหรือ?

หนึ่งในความเชื่อที่แพร่หลายในหมู่คนไทยคือ "แผลร้อนในเกิดจากการดื่มน้ำน้อย" ซึ่งแม้จะมีส่วนจริง แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียว

สาเหตุหลักของแผลร้อนใน

1. ภาวะเครียด : ความเครียดส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อภูมิคุ้มกันลดลง ร่างกายมีแนวโน้มเกิดการอักเสบ รวมถึงในเยื่อบุช่องปาก

2. ภูมิคุ้มกันต่ำ : เช่นในผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคลูปัส หรือผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด

3. ขาดวิตามินและแร่ธาตุ : โดยเฉพาะวิตามิน B1, B2, B6, B12, โฟเลต และธาตุเหล็ก

4. ฮอร์โมนแปรปรวน : ผู้หญิงบางรายจะเป็นแผลร้อนในก่อนมีประจำเดือน

5. การกัดปากหรือกระแทก : การเผลอกัดริมฝีปากหรือกระแทนฟันระหว่างการแปรงฟันก็สามารถทำให้เกิดแผลได้

6. อาหาร : อาหารที่มีรสจัด เปรี้ยวจัด หรือเผ็ดจัด อาจกระตุ้นให้แผลในปากเกิดหรือรุนแรงขึ้น

7. การแพ้ : เช่น แพ้ยาสีฟันที่มีสารโซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS)

8. ภาวะขาดน้ำ : แม้ไม่ใช่สาเหตุหลัก แต่การดื่มน้ำน้อยทำให้เยื่อบุในช่องปากแห้ง และอาจทำให้แผลร้อนในเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น

ร้อนใน อาการเป็นอย่างไร

แผลร้อนในมีลักษณะเฉพาะที่สามารถแยกแยะจากแผลในช่องปากชนิดอื่นได้

ลักษณะแผล

• เป็นแผลตื้น รูปวงกลมหรือวงรี

• มีขอบสีแดงและตรงกลางแผลเป็นสีขาวขุ่นหรือเหลืองนวล

• ขนาดมักไม่เกิน 1 เซนติเมตร

• มักพบในตำแหน่งที่ไม่มีฟัน เช่น ด้านในกระพุ้งแก้ม ริมฝีปากด้านใน ลิ้น เพดานอ่อน หรือใต้ลิ้น

อาการร่วม

• เจ็บแสบขณะพูดหรือกินอาหาร

• มีอาการตึงหรือเจ็บเล็กน้อยก่อนเกิดแผลประมาณ 1-2 วัน

• ไม่มีไข้ (เว้นแต่แผลเกิดจากการติดเชื้อไวรัส)

ระยะเวลา

• อาการโดยทั่วไปจะหายภายใน 7–14 วันโดยไม่ต้องรักษา

อันตรายจากแผลร้อนใน

แม้แผลร้อนในส่วนใหญ่จะหายได้เอง แต่ก็มีบางกรณีที่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคอื่นที่ร้ายแรงกว่า เช่น

1. โรคมะเร็งช่องปาก : หากแผลมีขนาดใหญ่ ขอบไม่เรียบ มีเลือดออก หรือไม่หายเกิน 3 สัปดาห์ ควรพบแพทย์

2. โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง : แผลร้อนในที่เรื้อรังหรือติดเชื้อซ้ำบ่อย อาจเป็นสัญญาณของโรคเช่น HIV หรือ SLE

3. ภาวะขาดสารอาหารเรื้อรัง : อาจสะท้อนถึงปัญหาทางเดินอาหารหรือโรคโลหิตจาง

ภาวะแทรกซ้อนจากอาการร้อนใน

ในกรณีที่แผลร้อนในไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อไปนี้ได้

1. การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน : ทำให้แผลลุกลาม เจ็บรุนแรง และมีกลิ่นเหม็น

2. เบื่ออาหาร : เนื่องจากความเจ็บปวด อาจทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง

3. ร่างกายขาดสารอาหาร : หากเป็นบ่อยและกินอาหารได้น้อย อาจนำไปสู่ภาวะโภชนาการบกพร่อง

4. แผลลุกลามกลายเป็นแผลเรื้อรัง : หากมีการระคายเคืองซ้ำ

วิธีการรักษาแผลร้อนใน

1. หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด หรือกรอบแข็ง

2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 6–8 แก้วต่อวัน

3. บ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่น ช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อ

4. รับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ซุป หรืออาหารเย็น

5. หลีกเลี่ยงการกัดหรือกระแทนบริเวณแผล

6. ยารักษาแผลร้อนใน สามารถปรึกษาเภสัชที่ร้านขายยาได้

เกลือช่วยให้แผลร้อนในหายเร็วขึ้นจริงไหม?

การใช้น้ำเกลือบ้วนปากถือเป็นวิธีรักษาที่มีหลักฐานรองรับในทางการแพทย์ เนื่องจาก

• น้ำเกลือมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย : ช่วยลดจำนวนเชื้อในช่องปาก

• ช่วยลดการอักเสบ : ทำให้แผลลดขนาดเร็วขึ้น

• กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด : ส่งผลให้เซลล์ฟื้นฟูได้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้เกลือป้ายหรืออัดลงไปบนแผล วิธีนี้ไม่ช่วยให้แผลหายแต่อย่างใดมีแต่จะเพิ่มความแสบ ทรมาน ระคายเคืองมากขึ้น

วิธีป้องกันแผลร้อนใน

แม้แผลร้อนในจะหายเองได้ แต่หากมีบ่อยหรือเป็นซ้ำ ควรมีมาตรการป้องกัน ดังนี้

1. รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ : โดยเฉพาะผักและผลไม้

2. เสริมวิตามิน B และธาตุเหล็ก : เช่น จากธัญพืช ตับ ไข่แดง ถั่ว

3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ : อย่างน้อยวันละ 7–8 ชั่วโมง

4. ลดความเครียด : ด้วยการออกกำลังกายหรือฝึกสมาธิ

5. เปลี่ยนยาสีฟัน : หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มี SLS มีรายงานพบว่า ยาสีฟันที่มีสาร SLS นั้น เป็นปัจจัยสำคัญเลยที่ส่งผลให้เกิดแผลในปากซ้ำแล้วซ้ำอีก

6. หลีกเลี่ยงการกัดหรือกระแทก : เช่น การเคี้ยวอาหารเร็วเกินไป

แผลร้อนในแม้ไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านความเจ็บปวด คุณภาพชีวิต และการบริโภคอาหาร แม้จะมีสาเหตุหลากหลาย แต่การดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดี โดยเฉพาะการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากพอ รับประทานอาหารมีประโยชน์ และลดความเครียด สามารถลดความถี่ของการเกิดแผลร้อนในได้อย่างชัดเจน และหากแผลร้อนในมีลักษณะผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อประเมินอาการโดยละเอียด

Advertisement

แชร์
ร้อนใน แผลในปาก เพราะดื่มน้ำน้อย จริงหรือ? ภาวะแทรกซ้อนจากอาการร้อนใน