กองระบาดวิทยา เผย 5 เดือนแรกปี 2568 ไข้หวัดใหญ่ ป่วย-ตาย แซงโควิด วิธีป้องกันคลัสเตอร์ในบ้าน เผย 5 วิธีดูแลสุขภาพ แข็งแรงสู้โรคระบาดหน้าฝน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนดูแลป้องกันตนเองจากโรคระบบทางเดินหายใจที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และเด็กเล็ก เพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการป่วยรุนแรง
นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนมักพบการระบาดของกลุ่มโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะโรคโควิด 19 และไข้หวัดใหญ่ ซึ่งโรคระบบทางเดินหายใจส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย สามารถแพร่กระจายได้ง่ายผ่านทางละอองฝอยจากการไอหรือจาม การสัมผัสกับสิ่งของที่ติดเชื้อ และการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรคดิจิทัล (Digital Disease Surveillance: DDS) กองระบาดวิทยา พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 22 พฤษภาคม 2568 มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 338,352 ราย อัตราป่วย 521.25 ต่อประชากรแสนคน และมีรายงานผู้เสียชีวิต 44 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตาย 0.013
กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงสุด ได้แก่ อายุ 5 - 9 ปี เท่ากับ 1,648.99 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 0 - 4 ปี (1,511.88) และกลุ่มอายุ 10 - 14 ปี (1,049.66) ตามลำดับ
โดยข้อมูลจากการเฝ้าระวังเชื้อก่อโรคไข้หวัดใหญ่พบว่าเชื้อที่เป็นสาเหตุการระบาดส่วนใหญ่เป็น เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A/H1N1 (2009)
โรคโควิด 19 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 22 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสม 149,190 ราย อัตราป่วย 229.83 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 31 ราย อัตราป่วยตาย ร้อยละ 0.02 กลุ่มที่พบอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อายุ 0 - 4 ปี (375.44) รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 30 - 39 ปี (346.05) และกลุ่มอายุ 20 - 29 ปี (319.37) ตามลำดับ
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือประชาชนดูแลสุขภาพและป้องกันตนเอง รวมทั้งดูแลสุขภาพของคนในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก และกลุ่ม 608
หากผู้ใดมีอาการสงสัย เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ แยกตัวไม่ใกล้ชิดกับผู้อื่น และรีบพบแพทย์โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 เนื่องจากอาจมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ สำหรับประชาชนทั่วไปที่ยังไม่มีอาการ
1) หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์
2) หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด หรือกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก
3) สวมหน้ากากอนามัยโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
4) หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดคลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการระบบทางเดินหายใจ
5) หากมีอาการป่วย ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
Advertisement