
ในโลกของยานยนต์ที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคไฟฟ้า (EV) เรามักจะเฉลิมฉลองให้กับความเงียบสงบที่มาพร้อมกับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ความเงียบนั้นกลับกลายเป็นความท้าทายครั้งใหม่สำหรับวิศวกรและนักออกแบบรถยนต์ เพราะมันได้พราก "เสียง" และ "ความรู้สึก" ที่ฝังรากลึกใน DNA ของการขับขี่ไป
ดังนั้น การออกแบบ เสียงเครื่องยนต์เทียม (Active Sound Control - ASC) และ ระบบจำลองเกียร์ จึงได้กลายเป็นศาสตร์และศิลป์แขนงใหม่ที่สำคัญยิ่งกว่าแค่ฟังก์ชัน แต่คือการสร้างสรรค์อารมณ์และบุคลิกเฉพาะตัวให้กับรถยนต์ไฟฟ้า
ในมุมมองของผู้ขับขี่รถยนต์สันดาป (ICE) เสียงเครื่องยนต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เสียงรบกวน แต่คือ "การตอบสนองเชิงฟิสิกส์" ที่ผู้ขับใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการควบคุมรถยนต์ เช่น
เมื่อรถ EV เข้ามาแทนที่ด้วยความเงียบสนิท ข้อมูลเชิงฟิสิกส์เหล่านี้ก็หายไป ทำให้ผู้ขับรู้สึกขาดการเชื่อมต่อ (Disconnection) กับยานพาหนะ โดยเฉพาะในจังหวะที่ต้องการสมรรถนะสูงหรือการควบคุมที่แม่นยำ
นอกจากนี้ ในเชิงความปลอดภัย กฎหมาย ในหลายประเทศ (เช่น สหรัฐฯ และยุโรป) ยังกำหนดให้รถยนต์ไฟฟ้าต้องมี ระบบเตือนคนเดินเท้า (Acoustic Vehicle Alerting System - AVAS) ซึ่งเป็นเสียงสังเคราะห์ความถี่ต่ำที่ดังเมื่อรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ (มักต่ำกว่า 20 กม./ชม.) เพื่อเตือนผู้พิการทางสายตาหรือคนเดินถนนที่อาจไม่ได้ยินเสียงรถที่กำลังเข้ามาใกล้
Active Sound Control (ASC) หรือเสียงเครื่องยนต์เทียม คือเทคโนโลยีที่ใช้ลำโพงภายในและภายนอกรถเพื่อสังเคราะห์เสียงที่ตอบสนองต่อการกระทำของผู้ขับขี่ (เช่น การเหยียบคันเร่ง) แทนที่เสียงเครื่องยนต์จริง
การออกแบบเสียง ASC เป็นงานที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อน โดยแบ่งออกเป็นสองแนวทางหลัก
ค่ายรถยนต์ชั้นนำใช้เสียง ASC เป็นเครื่องมือในการสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์และรุ่นรถ โดยเสียงที่สังเคราะห์ขึ้นมาจะต้องมี "บุคลิก" ที่ชัดเจน
หัวใจสำคัญของ ASC คือการให้ข้อมูลแก่ผู้ขับ
นี่คือจุดที่ความแปลกใหม่และความท้าทายทางวิศวกรรมมาบรรจบกัน โดยเฉพาะในรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงบางรุ่น เช่น Honda Super-ONE Prototype ที่ได้นำเสนอ ระบบจำลองเกียร์ 7 สปีด
โดยธรรมชาติ รถยนต์ไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องมีเกียร์หลายอัตราส่วน (ส่วนใหญ่มีเพียงเกียร์เดียว) เพราะมอเตอร์ไฟฟ้ามีแรงบิดสูงตั้งแต่รอบต่ำ แต่การไม่มีจังหวะเกียร์ทำให้ผู้ขับรู้สึกขาด "การควบคุมแบบดั้งเดิม":
ระบบจำลองเกียร์ 7 สปีดของ Honda หรือระบบที่คล้ายกันในแบรนด์อื่น ๆ ไม่ได้เปลี่ยนอัตราทดเกียร์จริง แต่เป็นการ จำลองพฤติกรรม ของรถยนต์สันดาปที่มีเกียร์หลายจังหวะ
ระบบจำลองเกียร์ขั้นสูงจะพิจารณาข้อมูลที่ซับซ้อน ได้แก่
ทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเดียวคือการ ถ่ายทอดอารมณ์และเอกลักษณ์การขับขี่ ที่ Honda (หรือค่ายรถอื่น ๆ) มุ่งมั่นพัฒนามาตลอดหลายปีในยุคสันดาป ให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่ทิ้ง "ความสนุกในการขับขี่" ไว้เบื้องหลัง
ในที่สุด ความแปลกของการมี "เสียง" และ "เกียร์" ในรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องตลกหรือความฟุ่มเฟือย แต่เป็น ความจำเป็นทางวิศวกรรมและจิตวิทยา ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างอดีตกับอนาคต
รถ EV ยุคใหม่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องจักรที่เงียบและมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นผลงานศิลปะที่ผสมผสานความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับความต้องการทางอารมณ์ของมนุษย์ เสียงและจังหวะเกียร์จำลองคือบทพิสูจน์ว่า "ความสนุกในการขับขี่" จะยังคงอยู่ต่อไปในยุคไฟฟ้า เพียงแต่รูปแบบของการรับรู้จะถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ผ่านระบบดิจิทัลอย่างชาญฉลาด