Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เครื่องยนต์น็อก เสียงเตือนอันตรายจาก หัวใจหยุดเต้นของรถยนต์

เครื่องยนต์น็อก เสียงเตือนอันตรายจาก หัวใจหยุดเต้นของรถยนต์

13 ก.ค. 68
16:00 น.
แชร์

เครื่องยนต์เปรียบเสมือนหัวใจของรถยนต์ เป็นกลไกสำคัญที่แปลงพลังงานเชื้อเพลิงให้เป็นพลังงานกลเพื่อขับเคลื่อนรถไปข้างหน้า การทำงานของเครื่องยนต์ต้องอาศัยการเผาไหม้ที่สมบูรณ์และแม่นยำภายในกระบอกสูบ แต่บางครั้งอาจเกิดความผิดปกติที่เรียกว่า "เครื่องยนต์น็อก" (Engine Knock) หรือ "ปัญหาน้ำมันจุดระเบิดผิดจังหวะ" (Pre-ignition/Detonation) ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงปัญหาภายในเครื่องยนต์ที่อาจนำไปสู่ความเสียหายรุนแรงได้หากไม่ได้รับการแก้ไข

เครื่องยนต์คืออะไร?

เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine - ICE) ที่ใช้ในรถยนต์ส่วนใหญ่ ทำงานโดยหลักการของวัฏจักรการทำงาน 4 จังหวะ (Four-stroke Cycle) ได้แก่

  • จังหวะดูด (Intake Stroke) ลูกสูบเคลื่อนที่ลง วาล์วไอดีเปิด ดูดอากาศและเชื้อเพลิง (สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน) หรืออากาศบริสุทธิ์ (สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล) เข้าสู่กระบอกสูบ
  • จังหวะอัด (Compression Stroke) ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้น วาล์วไอดีและไอเสียปิด อัดส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิงให้มีความดันและอุณหภูมิสูงขึ้น
  • จังหวะระเบิด/จุดระเบิด (Power/Combustion Stroke) สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน หัวเทียนจะสร้างประกายไฟเพื่อจุดระเบิดส่วนผสมที่ถูกอัด ทำให้เกิดการเผาไหม้และขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผลักลูกสูบให้เคลื่อนที่ลงด้วยแรงมหาศาล ซึ่งเป็นจังหวะที่สร้างกำลังขับเคลื่อน สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล การอัดอากาศจนร้อนจัดจะทำให้เชื้อเพลิงดีเซลที่ฉีดเข้าไปเกิดการลุกไหม้เอง
  • จังหวะคาย (Exhaust Stroke) ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้น วาล์วไอเสียเปิด เพื่อขับไล่ก๊าซไอเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ออกไป

วัฏจักรนี้จะเกิดขึ้นซ้ำๆ อย่างรวดเร็วในแต่ละกระบอกสูบ เพื่อสร้างกำลังขับเคลื่อนให้กับรถยนต์

เครื่องยนต์น็อกคืออะไร?

เครื่องยนต์น็อก คือปรากฏการณ์ที่การเผาไหม้ภายในกระบอกสูบเกิดขึ้นอย่างผิดปกติ ไม่เป็นไปตามจังหวะที่กำหนด มักจะเกิดขึ้นก่อนที่หัวเทียนจะจุดประกายไฟ (Pre-ignition) หรือเกิดการเผาไหม้ซ้ำซ้อนอย่างรวดเร็วและรุนแรง (Detonation) หลังจากที่หัวเทียนจุดระเบิดไปแล้ว ทำให้เกิดคลื่นกระแทกภายในกระบอกสูบอย่างรุนแรง ซึ่งเราจะได้ยินเป็นเสียง "กุกๆ" หรือ "แกร๊กๆ" คล้ายเสียงโลหะกระทบกันภายในเครื่องยนต์ โดยเฉพาะเวลาเร่งเครื่องยนต์ หรือขึ้นเนิน

สาเหตุของเครื่องยนต์น็อก

เครื่องยนต์น็อกสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการเผาไหม้ที่ไม่เหมาะสม

  • ค่าออกเทนของน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำเกินไป เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ค่าออกเทนคือดัชนีที่บ่งบอกถึงความสามารถในการต้านทานการน็อกของน้ำมันเชื้อเพลิง หากใช้เชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนต่ำกว่าที่เครื่องยนต์ต้องการ (เช่น รถยนต์ที่ต้องการน้ำมัน 95 แต่เติม 91) น้ำมันอาจเกิดการจุดระเบิดตัวเองก่อนที่หัวเทียนจะทำงาน โดยเฉพาะเมื่อเครื่องยนต์มีความร้อนสูงและแรงอัดมาก
  • เครื่องยนต์มีความร้อนสูงเกินไป (Overheating) ความร้อนที่สูงเกินไปในห้องเผาไหม้สามารถทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงจุดระเบิดตัวเองได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากระบบหล่อเย็นมีปัญหา (เช่น หม้อน้ำตัน, พัดลมไม่ทำงาน, น้ำยาหล่อเย็นพร่อง)
  • คาร์บอนสะสมในห้องเผาไหม้ เมื่อเวลาผ่านไป จะมีคราบเขม่าคาร์บอนสะสมอยู่ภายในห้องเผาไหม้ โดยเฉพาะบริเวณหัวลูกสูบและวาล์ว คราบคาร์บอนเหล่านี้สามารถอมความร้อนและทำหน้าที่เหมือนจุดร้อน (Hot Spot) ที่ทำให้ส่วนผสมอากาศและเชื้อเพลิงจุดระเบิดก่อนจังหวะได้
  • จังหวะการจุดระเบิดไม่ถูกต้อง (Incorrect Ignition Timing) หากจังหวะการจุดระเบิดของหัวเทียนถูกตั้งไว้เร็วเกินไป (Advance มากเกินไป) ประกายไฟอาจเกิดขึ้นในขณะที่ลูกสูบยังเคลื่อนที่ขึ้นอยู่ และส่วนผสมถูกอัดแน่นเกินไป ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่รุนแรงและผิดจังหวะ
  • หัวเทียนผิดเบอร์ หรือชำรุด การใช้หัวเทียนที่ร้อนเกินไป (Hotter Spark Plug) หรือหัวเทียนที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ (เช่น มีคราบเขม่าจับหนา) อาจทำให้เกิดจุดร้อนที่ทำให้เชื้อเพลิงจุดระเบิดผิดจังหวะได้
  • ระบบจ่ายเชื้อเพลิงมีปัญหาส่วนผสมเชื้อเพลิงบางเกินไป (Lean Mixture) หากอัตราส่วนของเชื้อเพลิงต่อน้อยเกินไป (อากาศมากเกินไป) จะทำให้การเผาไหม้ร้อนจัดและมีแนวโน้มที่จะเกิดการน็อกได้ง่ายขึ้น อาจเกิดจากหัวฉีดอุดตัน ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงมีปัญหา หรือเซ็นเซอร์อากาศทำงานผิดพลาดแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ หากแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงไม่เพียงพอ อาจทำให้การฉีดเชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์และเกิดส่วนผสมที่บางเกินไป
  • เซ็นเซอร์เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ รถยนต์สมัยใหม่มีเซ็นเซอร์หลายตัวที่ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เช่น เซ็นเซอร์น็อก (Knock Sensor), เซ็นเซอร์อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น, เซ็นเซอร์ตำแหน่งเพลาข้อเหวี่ยง หากเซ็นเซอร์เหล่านี้ทำงานผิดพลาด อาจส่งข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไปยังกล่อง ECU (Engine Control Unit) ทำให้การปรับจังหวะจุดระเบิดหรือการจ่ายเชื้อเพลิงผิดพลาดและเกิดการน็อก

ผลกระทบของเครื่องยนต์น็อก

การปล่อยให้เครื่องยนต์น็อกเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการแก้ไข สามารถนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงต่อชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ได้ เช่น

  • ลูกสูบละลายหรือทะลุ แรงกระแทกและความร้อนสูงจากการน็อกสามารถทำลายผิวหน้าลูกสูบได้
  • ก้านสูบคดงอหรือหัก แรงระเบิดที่ผิดจังหวะสามารถสร้างแรงบิดที่รุนแรงต่อก้านสูบ
  • แบริ่งก้านสูบและแบริ่งเพลาข้อเหวี่ยงเสียหาย แรงกระแทกซ้ำๆ ทำให้เกิดการสึกหรอรุนแรง
  • วาล์วและบ่าวาล์วเสียหาย ความร้อนสูงและการกระแทกอาจทำให้วาล์วเสียรูปทรงหรือบ่าวาล์วสึก
  • ประเก็นฝาสูบรั่ว ความดันและอุณหภูมิที่ผิดปกติอาจทำให้ประเก็นเสียหาย

การแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์น็อก

เมื่อสังเกตเห็นอาการเครื่องยนต์น็อก ควรนำรถเข้าตรวจสอบโดยช่างผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อหาสาเหตุและดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสม

  • ตรวจสอบและใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมาะสม ตรวจสอบคู่มือรถยนต์ว่าเครื่องยนต์ของคุณต้องการค่าออกเทนเท่าใด และเลือกเติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนตามหรือสูงกว่าที่ระบุ
  • ตรวจสอบระบบระบายความร้อน ตรวจสอบระดับน้ำยาหล่อเย็น, สภาพหม้อน้ำ, พัดลมระบายความร้อน, และเทอร์โมสตัท เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องยนต์ไม่ร้อนจัดเกินไป
  • ทำความสะอาดคราบคาร์บอน การล้างหัวฉีด, ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ, หรือการทำความสะอาดห้องเผาไหม้ (Decarbonization) สามารถช่วยลดการสะสมของคาร์บอนได้
  • ตรวจสอบจังหวะการจุดระเบิด ให้ช่างตรวจสอบและปรับจังหวะการจุดระเบิดให้อยู่ในค่าที่ถูกต้องตามที่ผู้ผลิตกำหนด
  • ตรวจสอบหัวเทียน ตรวจสอบสภาพหัวเทียน, ค่าความร้อนของหัวเทียน และระยะห่างเขี้ยวหัวเทียน หากชำรุดหรือผิดเบอร์ควรเปลี่ยนใหม่
  • ตรวจสอบระบบจ่ายเชื้อเพลิง ตรวจสอบแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง, หัวฉีด, และไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงว่ามีสิ่งอุดตันหรือทำงานผิดปกติหรือไม่
  • ตรวจสอบเซ็นเซอร์ต่างๆ ใช้เครื่องมือสแกน (OBD-II Scanner) เพื่อตรวจสอบรหัสความผิดปกติ (DTC) จากกล่อง ECU และตรวจสอบการทำงานของเซ็นเซอร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น เซ็นเซอร์น็อก, เซ็นเซอร์ออกซิเจน, เซ็นเซอร์อุณหภูมิ

เครื่องยนต์น็อกไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญจาก "หัวใจ" ของรถยนต์ที่บ่งบอกว่ากำลังมีปัญหา การละเลยปัญหานี้อาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงมาก หรืออาจถึงขั้นต้องยกเครื่องยนต์ใหม่ได้ การหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของรถยนต์ และนำรถเข้ารับการบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด จะช่วยให้รถของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยบนท้องถนน

แชร์
เครื่องยนต์น็อก เสียงเตือนอันตรายจาก หัวใจหยุดเต้นของรถยนต์