
Ferrari ได้เปิดตัว 849 Testarossa ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รุ่นล่าสุด ที่นำชื่อ "Testarossa" อันเป็นตำนานกลับมาอีกครั้ง โดยได้รับแรงบันดาลใจและเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล SF90 Stradale แต่มาพร้อมการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งในด้านขุมพลัง เทคโนโลยี และอากาศพลศาสตร์ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับสูงสุด
849 Testarossa เป็นรถยนต์ PHEV ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 830 แรงม้า โดยมีกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ 220 แรงม้า
เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) เป็นเครื่องยนต์ V8 ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก SF90 Stradale โดยเน้นการลดน้ำหนัก (Weight-to-Power Ratio) ลง 10% และมีการปรับปรุงระบบไอเสีย (Exhaust Manifold) ให้มีเสียงที่ดุดันและเร้าใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบส่งกำลัง (Gear Shift Strategy) และการทำงานของคลัตช์ (Launch-Off) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบไฮบริด ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 7.45 kWh ที่ถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างตัวถังเพื่อความสมดุลของน้ำหนัก eDrive สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนได้ที่ความเร็วสูงสุด 25 กม./ชม.
ระบบ Regenerative Braking ได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่
การออกแบบทางอากาศพลศาสตร์ของ 849 Testarossa มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพด้านความร้อน (Thermal Performance) และแรงกด (Downforce) โดยทำได้สูงกว่า F80 และ 449 Testarossa ในขณะที่ยังคงรักษารูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไว้
แรงกด (Downforce) สร้างแรงกดที่ความเร็ว 250 กม./ชม. ได้ถึง 415 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 25 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับ SF90 Stradale
Intercooler และ Side Louvres มีการปรับปรุงตำแหน่งและขนาดของ Intercooler รวมถึงการออกแบบช่องอากาศเข้า (Side Air Intake Trim) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนถึง 18% ช่วยลดอุณหภูมิอากาศเข้าเครื่องยนต์ลง 10-12 °C
ท้ายรถ มีการออกแบบ Active Rear Spoiler และ Multi-Level Diffuser ที่ทำงานร่วมกับ Suspended Wing เพื่อควบคุมกระแสลมด้านหลังอย่างเหมาะสม
849 Testarossa นำเสนอเทคโนโลยีด้านการควบคุมรถที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น เพื่อความแม่นยำและความปลอดภัยสูงสุด
FIVE (Ferrari Integrated Vehicle Estimator) ระบบหลักในการควบคุมพลวัตของตัวรถทั้งหมด โดยสร้าง Digital Twin เพื่อทำนายพฤติกรรมของรถอย่างแม่นยำและช่วยให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น ABS Evo และระบบควบคุมเสถียรภาพ (Evolved Dynamic Controls) ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ระบบกันสะเทือน มีการปรับปรุงระบบกันสะเทือนอิเล็กทรอนิกส์ (Dedicared Suspension Setup) และกลไกปรับองศาการเอียงของตัวรถ (Kinematic Angles) ให้มีประสิทธิภาพขึ้น 3%
ยาง ทำงานร่วมกับ Michelin เพื่อพัฒนา Michelin Pilot Sport Cup2R และ Michelin Pilot Sport Cup2 ที่ได้รับการปรับปรุงเป็นพิเศษ
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS) มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้งานในชีวิตประจำวัน Adaptive Cruise Control w/ Stop & Go และ Automatic Emergency Braking
ภายนอก การออกแบบโดย Flavio Manzoni ผสานความสง่างามของ Berlinetta กับสไตล์รถแข่งยุค 1970s โดดเด่นด้วยเส้นสายด้านข้างแบบ Main Crease Line และท้ายรถแบบ Double Tail Design
ภายใน เน้นการผสมผสานระหว่างสไตล์ Berlinetta และ Cockpit แบบ Single-Seater มีการออกแบบแผงหน้าปัดและช่องแอร์แบบ C-Shaped Air Vents และ Central Tunnel ที่ปรับปรุงใหม่ เบาะนั่ง มีตัวเลือกแบบ Comfort และ Carbon-Fibre Racing Seat พร้อม Carbon-Fibre Side Bolsters เพื่อความสปอร์ตสูงสุด
ชุดแต่ง Assetto Fiorano
เป็นตัวเลือกพิเศษที่เน้นการลดน้ำหนักของรถลงประมาณ 30 กิโลกรัม โดยใช้ชิ้นส่วนโครงสร้างและช่วงล่างจาก Carbon Fibre และ Titanium มาพร้อมกับ Lightweight Tubular Seats หุ้ม Alcantara และยาง Michelin Pilot Sport Cup2R
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS)
849 Testarossa มาพร้อมระบบ ADAS ครอบคลุมเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
Ferrari ได้เปิดตัว 849 Testarossa ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่นำชื่อ Testarossa กลับมาอีกครั้ง โดยใช้โครงสร้างและเทคโนโลยีหลักจาก SF90 Stradale แต่ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่
รถคันนี้มาพร้อมขุมพลัง V8 เทอร์โบ ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 1,050 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน <2.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุดเกิน 330 กม./ชม.
การออกแบบภายนอกผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับดีไซน์ยุคใหม่ เช่น ท้ายรถแบบ Double Tail Design ส่วนภายในเน้นความสปอร์ตด้วยเบาะคาร์บอนไฟเบอร์ และระบบควบคุมที่ทันสมัย
มีการปรับปรุงด้านอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มแรงกด (Downforce) และประสิทธิภาพการระบายความร้อนถึง 18% พร้อมติดตั้งระบบควบคุมพลวัต FIVE และ ADAS ครบชุด
สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุด มีชุดแต่ง Assetto Fiorano ที่ช่วยลดน้ำหนักลง 30 กิโลกรัม และปรับจูนช่วงล่างพิเศษ Ferrari 849 Testarossa ถูกกำหนดให้เป็นรถรุ่นที่มาพร้อมสมรรถนะและความเป็นเลิศสูงสุดในปัจจุบัน