Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เสียงแห่งสยาม ตุ๊กตุ๊กไทย สัญลักษณ์สามล้อที่ครองใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก

เสียงแห่งสยาม ตุ๊กตุ๊กไทย สัญลักษณ์สามล้อที่ครองใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก

25 ธ.ค. 68
12:00 น.
แชร์

ในบรรดาพาหนะหลากหลายรูปแบบบนท้องถนนของประเทศไทย ไม่มีอะไรเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำในระดับสากลได้เท่ากับ "รถตุ๊กตุ๊ก" อีกแล้ว ยานพาหนะสามล้อเปิดโล่งคันเล็กสีสันสดใส ที่มาพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่บริการรับส่งผู้โดยสารเท่านั้น แต่ยังเป็นประสบการณ์และกิจกรรมเช็กอินสำคัญที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องลิ้มลอง

โดยเฉพาะในช่วง "เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่" รถตุ๊กตุ๊กจะกลายเป็นพาหนะสุดพิเศษที่พาคุณลัดเลาะไปชมแสงไฟตระการตาทั่วเมือง ท่ามกลางลมหนาวจางๆ และบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง การนั่งตุ๊กตุ๊กเปิดประทุนเพื่อชมพลุริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือวิ่งผ่านถนนที่ประดับประดาด้วยไฟระยิบระยับในย่านราชประสงค์ คือการเคาท์ดาวน์บนท้องถนนที่ตื่นเต้นไม่เหมือนใคร

การนั่งตุ๊กตุ๊กทะลุผ่านการจราจรที่คึกคักของกรุงเทพฯ หรือลัดเลาะไปตามโบราณสถานของอยุธยาในคืนข้ามปี คือการได้สัมผัสชีพจรและจิตวิญญาณของความเป็นไทยอย่างแท้จริง และเป็นวิธีเริ่มต้นปีใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังและความสนุกสนานที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลก

เปิดตำนานรถสามล้อเครื่อง สู่ฉายา “ตุ๊กตุ๊ก”

จุดกำเนิดจากรถบรรทุกอิตาลีและญี่ปุ่น

แม้ว่ารถตุ๊กตุ๊กจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของไทย แต่จุดเริ่มต้นของพาหนะสามล้อเครื่องนี้มีรากฐานมาจากต่างประเทศ โดยเริ่มมีการผลิตรถสามล้อขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอิตาลีภายใต้ชื่อ Piaggio Ape ในปี ค.ศ. 1948 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

อย่างไรก็ตาม รถตุ๊กตุ๊กที่คนไทยคุ้นเคยนั้น มีวิวัฒนาการโดยตรงจาก รถสามล้อบรรทุก ของประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1957 บริษัท ไดฮัทสุ (Daihatsu) ได้เริ่มจำหน่ายรถบรรทุกสามล้อขนาดเล็ก โดยเฉพาะรุ่น Midget ซึ่งประเทศไทยได้เริ่มนำเข้ารถลักษณะนี้เข้ามาใช้งานครั้งแรกราวปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) จำนวน 30 คัน โดยคนไทยในยุคนั้นเรียกว่า "สามล้อเครื่อง" ซึ่งถูกนำมาใช้แทนที่ "สามล้อถีบ" ที่เคยเป็นที่นิยมอย่างมาก

วิวัฒนาการและการเปลี่ยนชื่อสู่ “ตุ๊กตุ๊ก”

เมื่อรถสามล้อเครื่องได้รับความนิยมมากขึ้น ก็เริ่มมีการดัดแปลงจากรถบรรทุกมาเป็นรถโดยสาร โดยการติดตั้งหลังคาและเบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารเพิ่มเข้าไป เพื่อให้เหมาะสมกับการขนส่งคนในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ที่กำลังเติบโต

ที่มาของชื่อ "ตุ๊กตุ๊ก" นั้นเชื่อว่ามาจาก เสียงเครื่องยนต์ แบบ 2 จังหวะของรถรุ่นแรก ๆ ที่เมื่อเครื่องยนต์เดินเบาหรือเร่งเครื่อง จะเกิดเสียงดัง "ตุ๊ก-ตุ๊ก-ตุ๊ก" อย่างเป็นจังหวะ และชาวต่างชาติที่ไม่ทราบชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ จึงเรียกตามเสียงที่ได้ยินจนกลายเป็นชื่อติดปาก และเป็นที่ยอมรับในที่สุด

ความท้าทายและการคงอยู่เป็น Soft Power

ในอดีต (ราว พ.ศ. 2508) เคยมีความพยายามจากทางราชการที่จะยกเลิกรถตุ๊กตุ๊ก เนื่องจากถูกมองว่าเป็นรถที่มีกำลังแรงม้าต่ำ ขับช้า และกีดขวางการจราจร แต่ด้วยความสามารถในการดัดแปลง การใช้งานที่หลากหลาย ความคล่องตัวในการซอกแซกผ่านการจราจรที่หนาแน่น รวมถึงต้นทุนการผลิตและการใช้งานที่ย่อมเยา ทำให้รถตุ๊กตุ๊กยังคงอยู่คู่กับสังคมไทย

ปัจจุบัน รถตุ๊กตุ๊กได้ถูกยกระดับสถานะให้เป็นมากกว่ายานพาหนะ โดยกลายเป็น Soft Power สำคัญของประเทศไทย ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ต่างประเทศ มิวสิควิดีโอ และสื่อบันเทิงมากมาย นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบและดัดแปลงให้มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ตามภูมิภาค เช่น "รถตุ๊กตุ๊กหน้ากบ" ที่เป็นที่รู้จักในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและตรัง ซึ่งสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาท้องถิ่น

รถตุ๊กตุ๊ก หรือ สามล้อเครื่อง จึงเป็นมากกว่าแค่วิธีเดินทาง แต่เป็น มรดกทางวัฒนธรรมเคลื่อนที่ ที่เชื่อมโยงประวัติศาสตร์การคมนาคมของไทยกับนักเดินทางจากทั่วโลก การได้ยินเสียง "ตุ๊ก-ตุ๊ก" การสัมผัสลมปะทะใบหน้า และการชมเมืองด้วยมุมมองแบบเปิดโล่งจากเบาะหลัง คือประสบการณ์ที่เติมเต็มการเดินทางในไทย และตอกย้ำว่าเหตุผลที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องขึ้นตุ๊กตุ๊กสักครั้งนั้น ไม่ได้มีแค่เรื่องของความสะดวก แต่เป็นเพราะมันคือ เสน่ห์ที่พลาดไม่ได้ ของเมืองไทยนั่นเอง

แชร์
เสียงแห่งสยาม ตุ๊กตุ๊กไทย สัญลักษณ์สามล้อที่ครองใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก