Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ความสำเร็จของ Nissan Formula E กำลังจะต่อยอดชัยชนะของรถ EV จากนิสสัน

ความสำเร็จของ Nissan Formula E กำลังจะต่อยอดชัยชนะของรถ EV จากนิสสัน

25 มิ.ย. 68
13:22 น.
แชร์

ทีม Nissan Formula E สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตไฟฟ้า หลังคว้าตำแหน่งผู้นำคะแนนรวมสูงสุดทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ ทีม, นักขับ และผู้ผลิต จากการแข่งขัน ABB FIA Formula E World Championship 2024/2025 โดยสามารถครองโพเดียมอย่างต่อเนื่องถึง 11 สนามติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ไม่ได้มาเพราะโชค แต่เกิดจากการวางกลยุทธ์ การพัฒนาเทคโนโลยีและวิสัยทัศน์ระยะยาว

จากผู้ท้าชิง สู่ผู้นำที่โลกต้องจับตา

Nissan เข้าสู่การแข่งขัน Formula E อย่างเป็นทางการในฤดูกาลที่ 5 (ปี 2018/2019) กลายเป็นผู้ผลิตจากญี่ปุ่นรายแรกและรายเดียวในรายการนี้ ซึ่งนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของนิสสันในการขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดแล้ว ยังถือเป็นการยกระดับแบรนด์เข้าสู่เวทีระดับโลกที่มีการแข่งขันสูง และเต็มไปด้วยทีมชั้นนำจากยุโรปและอเมริกา

ทีม Nissan Formula E

ในช่วงแรกทีมต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านเทคโนโลยี และการปรับตัวเข้ากับรูปแบบการแข่งขันที่เน้นการบริหารพลังงาน แต่ด้วยความพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง ในฤดูกาล 2024/2025 นิสสันได้ส่งสองนักแข่งฝีมือเยี่ยม โอลิเวอร์ โรว์แลนด์ และ นอร์แมน นาโต ลงสนามพร้อมรถแข่งเจเนอเรชันใหม่ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ ส่งผลให้ทีมคว้าชัยชนะมาแล้ว 4 สนาม และไม่เคยพลาดโพเดียมเลยแม้แต่สนามเดียว

Tokyo E-Prix

ชัยชนะใน Tokyo E-Prix

สนามที่ 9 ของฤดูกาลนี้ คือ Tokyo E-Prix ซึ่งจัดขึ้นในบ้านเกิดของ Nissan และถือเป็นหนึ่งในสนามที่สำคัญที่สุดของฤดูกาล ไม่เพียงเพราะแรงกดดันจากแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น แต่ยังเป็นสนามที่มีลักษณะทางเทคนิคที่ซับซ้อน ทีม Nissan Formula E สามารถคว้าดับเบิลโพลโพซิชัน (ออกสตาร์ทอันดับ 1 และ 2) ขึ้นโพเดียม และคว้าชัยชนะได้พร้อมกัน ถือเป็นการแสดงศักยภาพสูงสุดของรถแข่ง ระบบกลยุทธ์ และทีมวิศวกรรมที่ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ชัยชนะในสนามนี้ยังทำให้ทีมขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตารางคะแนนทั้งสามประเภท

โอลิเวอร์ โรว์แลนด์ และ นอร์แมน นาโต

Formula E เปรียบเหมือนห้องแล็บสำหรับเทคโนโลยี EV

การแข่งขัน Formula E แตกต่างจากมอเตอร์สปอร์ตแบบดั้งเดิมตรงที่เน้นการแข่งขันภายใต้ข้อจำกัดของพลังงาน โดยรถทุกคันต้องใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดภายในแบตเตอรี่ก้อนเดียว ซึ่งหมายความว่า “ผู้ชนะ” ไม่ใช่แค่คนที่เร็วที่สุด แต่คือทีมที่จัดการพลังงานได้ดีที่สุดด้วย

Nissan ใช้เวทีนี้ในการพัฒนาระบบมอเตอร์ไฟฟ้า การกระจายแรงเบรก (Regenerative Braking) และระบบควบคุมความร้อน โดยอาศัยประสบการณ์จากรถ Nissan LEAF ที่มีข้อมูลการใช้งานจากผู้ขับขี่ทั่วโลกกว่า 1.6 หมื่นล้านกิโลเมตร นำมาวิเคราะห์และพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในสนามแข่ง

Nissan LEAF

จากสนามแข่งสู่ถนนจริง

หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับการต่อยอดจาก Formula E คือ ระบบขับเคลื่อน e-4ORCE 05 ที่พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะในรถยนต์รุ่นเรือธงของนิสสัน การนำระบบนี้มาใช้ในรถแข่งช่วยให้สามารถควบคุมแรงบิดของแต่ละล้อได้แม่นยำแบบเรียลไทม์ ทำให้รถมีสมดุลดีขึ้นในการเข้าโค้ง และตอบสนองได้แม้ในจังหวะที่มีแรงเหวี่ยงสูง ระบบนี้ไม่เพียงช่วยให้ทีมนิสสันขึ้นนำคะแนนสะสม แต่ยังเป็นต้นแบบสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นถัดไปที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยเป้าหมายสูงสุดคือการสมรรถนะ ความมั่นใจ และความปลอดภัย

ข้อมูลคืออาวุธของความสำเร็จ

หัวใจของความสำเร็จใน Formula E คือ “ข้อมูล” ทีม Nissan Formula E ใช้ ระบบ telemetry แบบเรียลไทม์ ที่สามารถดึงข้อมูลจากรถแข่งมากกว่า 1,000 จุดต่อรอบ ส่งตรงไปยังศูนย์ควบคุมเพื่อวิเคราะห์และปรับแผนได้ทันที โดยครอบคลุมตั้งแต่

  • อุณหภูมิของแบตเตอรี่
  • การตอบสนองของมอเตอร์
  • แรงเบรกและการกระจายแรง
  • น้ำหนักที่กระจายไปยังแต่ละล้อ
  • การใช้พลังงานต่อรอบ

ข้อมูลเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือหลักที่ช่วยวิศวกรตัดสินใจปรับกลยุทธ์ในแบบเรียลไทม์ เช่น การใช้ Attack Mode หรือการสลับโหมดการขับขี่เพื่อเพิ่มความได้เปรียบ

วิสัยทัศน์ Nissan Ambition 2030

Nissan Ambition 2030 คือแผนวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างโลกที่ยั่งยืน ปลอดมลพิษ และปลอดอุบัติเหตุ โดย Nissan มองว่า Formula E คือ “สนามทดสอบเชิงระบบ” ที่เชื่อมโยงงานวิจัย เทคโนโลยี และความต้องการของผู้ใช้เข้าด้วยกัน เป้าหมายคือ

  • เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าและ e-POWER ทั่วโลกกว่า 20 รุ่น ภายในปีงบประมาณ 2569
  • ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 50% ของยอดขายรวมทั่วโลก ภายในปี 2573
  • ลงทุนพัฒนาแบตเตอรี่แบบ All-Solid State (ASSB) ซึ่งจะเริ่มใช้งานจริงในปี 2571

นิสสันมองว่า ASSB จะกลายเป็น game-changer ที่ทำให้รถ EV มี ระยะทางวิ่งไกลขึ้น น้ำหนักเบาลง และชาร์จเร็วขึ้น ตอบโจทย์ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทยที่กำลังเริ่มเปลี่ยนผ่านสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้า

Nissan Formula E กับภารกิจที่ใหญ่กว่าชัยชนะ

ชัยชนะของทีม Nissan Formula E ในฤดูกาล 2024/2025 ไม่ได้เป็นแค่ผลการแข่งขัน แต่เป็นภาพสะท้อนของการสร้างระบบนิเวศใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคไฟฟ้า Nissan กำลังทำให้สนามแข่งกลายเป็น “เร่งเครื่อง” ให้นวัตกรรมก้าวสู่ท้องถนนได้เร็วขึ้น ภายใต้แนวคิด “Dare to do what others don’t”

แชร์
ความสำเร็จของ Nissan Formula E กำลังจะต่อยอดชัยชนะของรถ EV จากนิสสัน