Nissan LEAF (นิสสัน ลีฟ) รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นบุกเบิกของนิสสันที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2010 กำลังจะกลับมาสร้างความตื่นเต้นอีกครั้งด้วยการเปิดตัว All-new Nissan LEAF เจเนอเรชันที่ 3 การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการพลิกโฉมในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรับใหม่หมดจด พละกำลังที่เพิ่มขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือการมาในรูปแบบตัวถังใหม่สไตล์ ครอสโอเวอร์แฮทช์แบ็ก 5 ประตู เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
สิ่งแรกที่ทุกคนจะสังเกตได้ทันที คือ ตัวถังแบบแฮทช์แบ็กถูกถอดทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นดีไซน์ครอสโอเวอร์ล้ำยุค ขนาดกลางที่ปรับให้ลงตัวกับยุคสมัย โดย Nissan เลือกภาษาการออกแบบใหม่ที่ดูมีมิติ ลู่ลม และดู “พรีเมียม” ยิ่งกว่า Leaf รุ่นเดิมหลายช่วงตัว
ขนาดตัวรถมีความยาว 4,405 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,810 มิลลิเมตร และความสูง 1,557 มิลลิเมตร วางอยู่บนฐานล้อขนาดกลางที่รองรับแบตเตอรี่รุ่นใหม่ได้อย่างเหมาะสม และให้พื้นที่ภายในกว้างขวางขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน
Leaf ปี 2026 มาใน 3 รุ่นย่อยได้แก่ S+, SV+, และ Platinum+ ซึ่งแต่ละรุ่นมีบุคลิกที่ต่างกันชัดเจน ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นแบบเรียบง่าย ไปจนถึงรุ่นท็อปสุดที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีระดับเรือธง
Leaf S+
รุ่นเริ่มต้น ติดตั้งล้อขนาด 18 นิ้ว พร้อมฝาครอบแบบแอโรไดนามิกสีดำ ภายนอกเรียบง่าย แต่เน้นการลดแรงต้านอากาศ ช่วยเพิ่มระยะทางวิ่งได้เป็นอย่างดี ภายในมาพร้อม หน้าจอคู่ขนาด 12.3 นิ้ว ติดตั้งแบบ “dual screen” แยกจอควบคุมหลักและจอมาตรวัดดิจิทัล
Leaf SV+
รุ่นกลางที่อัปเกรดความหรูหรามากขึ้น ติดตั้งล้ออัลลอยด์อลูมิเนียมขนาด 18 นิ้ว พร้อมดีไซน์ตกแต่งภายนอกคล้ายกับรุ่นบนสุด แต่ ตัดบางฟีเจอร์ออก เช่น ไฟหน้าแบบมีแถบ LED, ราวหลังคา และหลังคาพาโนรามิกไฟฟ้า
Leaf Platinum+
รุ่นสูงสุด อัดแน่นด้วยออปชันจัดเต็ม เช่น ล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว, ไฟท้ายโฮโลแกรม 3 มิติ ได้แรงบันดาลใจจากรถสปอร์ต Nissan Z, หลังคาพาโนรามิกแบบ Electrochromic ที่สามารถปรับระดับความเข้มของแสงได้ผ่านปุ่มกด เพิ่มความหรูหราแบบรถพรีเมียมยุโรป
ภายในห้องโดยสารของรุ่นนี้ใช้หน้าจอคู่ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 14.3 นิ้ว พร้อมระบบ Google Built-in ที่รองรับทั้งการนำทาง, การสั่งงานด้วยเสียง และการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฮม นอกจากนี้ยังมีระบบเสียง Bose Personal Plus พร้อมลำโพงฝังในพนักพิงศีรษะด้านหน้า ยกระดับการฟังเพลงให้เหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์
ในด้านระบบขับเคลื่อน Leaf ปี 2026 มีให้เลือก 2 ขุมพลังไฟฟ้าคือ
แบบที่สอง
ความเร็วสูงสุดของทุกรุ่นถูกจำกัดไว้ที่ 160 กม./ชม. และติดตั้งระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ เพื่อให้ความสบายในการขับขี่ และความนิ่งบนความเร็วสูง
ระยะทางวิ่งถือเป็นไฮไลต์ของ Leaf ใหม่ โดยสามารถวิ่งได้ไกลมากกว่ารุ่นก่อนหน้าเกือบ 3 เท่า
ระบบชาร์จเร็วรองรับกำลังไฟสูงสุด 150 กิโลวัตต์ (DC) สำหรับรุ่นแบตเตอรี่ขนาดใหญ่
Nissan ตั้งใจให้ Leaf ใหม่เป็นรถที่ลู่ลมที่สุดในกลุ่ม ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.25 Cd ล้อ, แผงใต้ท้องรถ และแนวเส้นสายถูกออกแบบอย่างประณีตเพื่อรีดอากาศออกจากตัวถังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขึ้นอยู่กับภูมิภาคที่วางจำหน่าย Nissan Leaf 2026 จะใช้พอร์ตชาร์จที่แตกต่างกัน
ทุกรุ่นรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่ให้ความยืดหยุ่นกับผู้ใช้งานในแต่ละประเทศ
Nissan Leaf 2026 มีกำหนดวางจำหน่ายใน สหรัฐอเมริกา ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 และจะทยอยเปิดตัวในตลาดต่างประเทศ อาทิ ยุโรป, ญี่ปุ่น, และ ออสเตรเลีย ในช่วงหลังจากนั้น ส่วนราคาจำหน่ายจะมีการประกาศอีกครั้งในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
การเปลี่ยนผ่านของ Nissan Leaf รุ่นใหม่นี้ ไม่ใช่แค่การอัปเกรดเล็กน้อย แต่คือการ "รีเซ็ต" ทุกอย่างใหม่หมด ทั้งดีไซน์, สมรรถนะ, เทคโนโลยี และแนวคิดการใช้งานที่มุ่งสู่ความเป็นรถไฟฟ้าแห่งอนาคต
ใครที่เคยคิดว่า Leaf เป็นแค่รถ EV สำหรับคนเริ่มต้น ตอนนี้ต้องคิดใหม่ เพราะ Leaf 2026 ไม่ได้มาเล่นๆ แต่มาเพื่อชิงตำแหน่งในตลาดครอสโอเวอร์ไฟฟ้าระดับกลางอย่างเต็มภาคภูมิ