หนุนยกระดับสุขภาพเหล่ามวลมนุษย์ จากงาน “เมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์ 2023”

21 ก.ย. 66

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทุกประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ต่างเผชิญกับสถานการณ์ของโรคอุบัติใหม่ ที่ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อภาคอุตสาหกรรมในทุกเซกเตอร์ โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมการแพทย์ ที่ต่างต้องเร่งคิดค้นและพัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ๆ เพื่อแก้ไขและควบคุมสถานการณ์ ตลอดจนตั้งรับทุกความไม่แน่นอนของโรคที่อาจเกิดขึ้น

1

โดย อุตสาหกรรมการแพทย์ไทย ถือเป็นหนึ่งในประเทศแถบภูมิภาคอาเซียนลำดับต้นๆ ที่สามารถตั้งรับสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงกลุ่มโรคอื่นได้เป็นอย่างดี จากความเข้มแข็งด้านการแพทย์แบบครบวงจร มาตรฐานการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพในระดับสากล ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากนโยบายเชิงรุกของรัฐบาล สู่การเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ – ศูนย์กลางสุขภาพระดับโลก” ที่มีอัตราการเติบโตมากกว่า 10%

2

นายเกอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย เผยว่า บริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทย ในฐานะ “ผู้นำด้านการท่องเที่ยวทางการแพทย์ระดับโลก” ที่ได้รับการขับเคลื่อนด้วยนโยบายเชิงรุกของรัฐบาล จึงได้เดินหน้าจัด “เมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์ 2023” (MEDICAL FAIR THAILAND 2023) ที่สุดของมหกรรมการจัดแสดงโซลูชันทางการแพทย์และระบบดูแลสุขภาพอัจฉริยะใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มากกว่า 8,000 รายการ จาก 800 บริษัทชั้นนำใน 40 ประเทศทั่วโลก เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดในวงการเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ ได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ อันนำไปสู่การขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน เพื่อยกระดับระบบการรักษาและการดูแลสุขภาพของประชากรของแต่ละประเทศในอนาคต

3

โดยในวันนี้ เราขอชวนทุกท่านไปชมตัวอย่างไฮไลท์นวัตกรรมการดูแลสุขภาพแห่งอนาคตจากทั่วโลก ที่ต่างได้ชื่อว่าเป็นประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและระบบดูแลสุขภาพประชากรที่ครบวงจร ดังนี้

•สวยจบทุกเคสได้ด้วย “มอนิเตอร์แสดงผลภาพผ่าตัดที่คมชัดระดับ 4K” (The cutting-edge technology to medical visualization applications) จากบริษัท FORESEESON INC เกาหลีใต้ แอปพลิเคชันแสดงภาพทางการแพทย์ ขณะศัลยแพทย์ทำการหัตถการแบบเรียลไทม์ ด้วยความละเอียดที่ 4K หวังเจาะตลาดศัลยกรรมตกแต่ง ทั้งเพื่อการศัลยกรรมเพื่อดูแลรักษาและเสริมความสวยงามที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด

•อีกระดับของระบบอัตโนมัติจัดเก็บยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ จาก Hänel Storage Systems ประเทศเยอรมนี เพราะระบบจัดเก็บยา เป็นอีกพื้นที่ที่สำคัญของโรงพยาบาล การใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้บริการจัดการคลังสินค้า ด้วยระบบจัดเก็บยาและเวชภัณฑ์ตามแนวตั้ง ลดพื้นที่ที่ใช้ในการจัดเก็บและเพิ่มพื้นที่ว่างเพื่อกำหนดใช้ในสิ่งอื่น ๆ ช่วยให้การเรียกดูสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ด้วยการใช้ระบบอัตโนมัต และ software ในการเรียกดูสินค้าที่ต้องการ เมื่อมีคำขอในการเรียกดู ระบบจะนำสินค้ามายังจุดที่ผู้ใช้ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บสินค้า โดยอาจมีระบบควบคุมการเข้าถึงสินค้าที่อยู่ในระบบให้กับผู้ใช้ ที่ได้รับอนุญาต เท่านั้น เรียกดูข้อมูลแบบอัตโนมัติได้แบบ real time

•เรียนอย่างล้ำกับอาจารย์ใหญ่ในรูปแบบดิจิทัล ด้วยเครื่องกายวิภาคศาสตร์3มิติ จาก Shandong Digihuman Technology ประเทศจีน เพื่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ใช้ระบบประกอบภาพจากกายวิภาคจริง สู่ภาพ 3 มิติ ที่ผู้เรียนสามารถเลือกแต่ละส่วนของกายวิภาคได้เสมือนผ่าตัดจริง แสดงผลเฉพาะส่วนที่เลือกได้ เช่น ระบบกล้ามเนื้อ ระบบเส้นประสาท ระบบกระดูกและไขข้อ เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนในสถาบันทางการแพทย์ ทั้งมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาล

•เพิ่มความสะดวกสบายให้ทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ด้วย VITAL ALERT SENSOR MAT จากสิงคโปร์ การใช้เทคโนโลยีระบบตรวจจับอัตโนมัติใต้เตียงนอนเพื่อดูแลสัญญาณชีพและสภาวะผู้ป่วยจากระยะไกล ช่วยให้สามารถติดตามผลแบบไร้สัมผัสอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องต่อสายวัดหรืออุปกรณ์ใดๆ บนร่างกายของผู้ป่วย เพื่อวัดอัตราการเต้นของชีพจร อัตราการหายใจพร้อมทั้งมีการแจ้งเตือนการลุกออกจากเตียง เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย

•ให้ทุกเคสพร้อมเคลื่อนย้าย-ดูแล-กู้ชีพผู้ป่วยได้ไม่มีสะดุด จาก DLOUHY ออสเตรีย ออกแบบอุปกรณ์ภายในรถปฐมพยาบาลเพื่อเซฟบุคลากรทางการแพทย์ พัฒนาระบบ paramedic หรือเวชกรฉุกเฉิน ตามมาตรฐานสากล หากเตียงและผู้ป่วยมีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม อุปกรณ์บนรถพยาบาลจะต้องมีระบบออโตเมติก เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บของบุคลากรวิชาชีพเวชกร ทั้งนี้ เพื่อให้การดูแลรักษาพยาบาลของบุคลากรทางการแพทย์สามารถทำได้อย่างเต็มศักยภาพ

•โซลูชันการตรวจการนอนหลับ ที่สะดวกสบายและเซฟค่าใช้จ่ายให้ผู้ป่วย จากบริษัทเบรน ไดนามิกส์ สตาร์ทอัพสัญชาติไทย ที่ได้รับการสนับสนุนโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) โดยพัฒนานวัตกรรมหลากหลายเพื่อนำไปใช้ในสังคม อาทิ ระบบตรวจการนอนหลับ (Polysomnography System) ดูแลการให้บริการและวิเคราะห์ประมวลผลการตรวจการนอนหลับ โดยใช้เทคโนโลยีทางด้านการนอนหลับที่ครบวงจร โดยอาศัยเทคโนโลยี IoT medical device เก็บข้อมูลสัญญาณจากร่างกายคนไข้เพื่อวินิจฉัยภาวะการหายใจผิดปกติขณะนอนหลับ พร้อมทั้งมีฟังก์ชันช่วยแปลผลข้อมูลผู้ป่วยเบื้องต้นจากเทคโนโลยีเอไอ จากปกติที่ผู้ป่วยต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลในราคาหลักหมื่น แต่ระบบนี้สามารถลดค่าใช้จ่ายเหลือหลักพัน ลดต้นทุนการตรวจวิเคราะห์ และช่วยลดภาระงานการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการประเมินอาการเพื่อวางแผนการรักษาผู้ป่วยทั้งในปัจจุบันและอนาคต

4

นอกจากยังมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีอีกมากมายภายในงาน สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามงานสัมนาแบบออนไลน์กับ MEDICAL FAIR THAILAND ได้ตั้งแต่วันนี้ - 22 กันยายน 2566 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.medicalfair-thailand.com หรือติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมได้ทางเพจ Medical Fair Thailand

 

advertisement

Powered by สุขภาพและความงาม

สุขภาพและความงาม คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม

ไลฟ์สไตล์ ล่าสุด