ทดลองขับ H6 PHEV ขับดีมีพลัง ราคาไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้าน คอนเฟิร์ม! (คลิป)

30 ก.ย. 65

ได้เริ่มขับสัมผัสสักทีหลังจากได้ลูบไล้มาหลายรอบ สำหรับเจ้า HAVAL H6 Plug-In Hybrid หรือเรียกสั้นๆ กระชับๆ ก็ HAVAL H6 PHEV ไปเลย และคงต้องยกให้เป็นรถรุ่นที่เล่นตัวมากที่สุดก็ว่าได้ ฮาๆ (คลิปทดลองขับ HAVAL H6 PHEV)

เพราะถ้าจำกันได้เจ้า PHEV คันนี้แหละ ที่เปิดตัวเรียกน้ำย่อยคนไทยกันตั้งแต่ปีที่แล้ว และก็เงียบหายไปพร้อมๆ กับความงงงวยของผู้ที่สนใจ ว่าเอ๊ะ ตกลงทาง GWM จะเอามาขายหรือเปล่านะ หรือแค่เอามาโชว์

ระยะเวลาล่วงเลยมาได้เกือบปี ในที่สุด HAVAL H6 PHEV ก็เริ่มมีชื่อกลับมาปรากฎบนหน้าสื่อไม่เว้นวัน ถึงกระแสการเปิดตัวเปิดจำหน่ายแบบจริงๆ จังๆ แต่ก็ไม่วายยังคงมีอาการเล่นตัวหยอกล้อกับสื่ออยู่เรื่อยๆ เรียกว่ากว่าจะได้ทดลองขับ ต้องผ่านกันหลายด่านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะวันที่ต้องเข้าไปรับข้อมูลสเปคต่างๆ อีกวันคือวันเปิดตัวให้พรีวิวในสตูดิโอเกร๋ๆ แอร์เย็นๆ ก่อนที่ในวีคต่อมาจะได้มีโอกาสได้ทดลองขับ และสุดท้าย ณ ตอนนี้ก็ยังต้องรอเปิดตัวราคากับอีกระลอก (เรียกว่าคอนเทนต์ราคาเนี่ย แต่ละสื่อก็ได้เล่นได้คาดเดากันสนุกไปเลยทีเดียว แต่...! ตอนท้ายเรามีอะไรจะบอก!)

img_1140

img_1100

img_1149

เอาละเข้าที่เข้าทางเรื่องการทดลองขับสักทีครับสำหรับรถที่ว่ากันว่ายอดจองร้อนแรงมากเหลือเกินในขณะนี้ ล่าสุดยอดจองเห็นว่าทะลุเกิน 6 พันคันไปแล้วด้วยนะ อือหือ การทดลองขับครั้งนี้เราเดินทางเป็นคาราวานในขาไปจากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผมได้ควบเจ้า HAVAL H6 PHEV สีดำทะมึน Sun Gold Black (รายละเอียดสเปค HAVAL H6 PHEV อ่านได้ที่นี่)

img_1305

img_1335

ในช่วงต้นเราขับตามกันในลักษณะคาราวานเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน จึงไม่ได้ทำการทดลองอะไรมากนัก แต่สิ่งแรกเลยที่สัมผัสได้ คือช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนใหม่ ระบบช่วงล่างยังเป็นเหมือน HAVAL H6 HEV ด้านหน้าเป็นแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ ทางทีมวิศวกรแจ้งว่าในตัว PHEV ได้มีการปรับค่าสปริงใหม่ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น นั่นก็เพราะน้ำหนักตัวรถที่เพิ่มขึ้นกว่า 200 กก. จากแบตเตอรีที่ใหญ่โตขึ้นนั่นเอง

img_1374

img_1395

ต้องบอกว่าหลังจาก HAVAL H6 PHEV ได้ทำการปรับช่วงล่างใหม่ กลับทำให้ผมพบว่ามันทำงานได้ดีขึ้นมีความกลมกล่อมมากขึ้น เนื่องจากฟีลลิ่งของช่วงล่างในตัว H6 HEV นั้นมันนิ่มนวลนุ่มนิ่มเกินไปสักหน่อยในย่านความเร็ว ซึ่งข้อด้อยในจุดนี้มันถูกปรับจูนแก้ไขจนออกมาได้อย่างน่าพอใจไม่น้อย เราพบว่าความย้วย ความโยนตัวในแบบเดิมมันถูกกำจัดออกไป ถูกแทนที่ด้วยความเฟิร์มและแน่นหนึบเข้ามา แน่นอนความนุ่มนวลมันย่อมลดลงไปจากตัว HEV แต่ไม่ได้ลดลงไปจนแข็งกระด้าง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการทรงตัวในช่วงความเร็วอย่างเห็นได้ชัด

img_1506

การขับขี่ในช่วงขาไป เราเลือกใช้การขับแบบ EV Mode คือใช้ไฟฟ้า 100% ในการวิ่งแบบรถยนต์ไฟฟ้ากันไปเลย ช่วงเริ่มหน้าจอดิจิตอลแจ้งตัวเลข 195 กม. ที่กำลังไฟสามารถพาไปได้ เราเลยลองจัดให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ว่าที่เคลมไว้ 201 กม./ชาร์จ จะทำได้ใกล้เคียงแค่ไหน สำหรับใน EV Mode แบบวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนทาง GWM ระบุว่ามันสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ด้วยความเร็วสูงถึงราว 140 กม./ชม. เลยทีเดียว ต้องบอกว่ามันเยี่ยมนะสำหรับจุดนี้

img_1472

เมื่ออยู่ใน EV Mode การส่งกำลังไปที่ล้อทั้งหมดเกิดขึ้นจากภาระหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้า (ที่เป็นตัวเดียวกับที่ประจำการในตัว HEV นั่นแหละ ตัวเดียวกันเด๊ะ) ตัวรถมีความกระฉับกระเฉง และมีแรงดึงในขณะเร่งแซงมากกว่าตัว HEV อย่างรู้สึกได้ สำหรับขุมกำลังของ HEV กับ PHEV ต้องบอกว่าคู่หูดูโอตัวเดียวกัน ทั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.5 เทอร์โบ และมอเตอร์ไฟฟ้า ต่างกันที่ขนาดแบตเตอรีเท่านั้น ที่เป็นปัจจัยหลักทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถรีดกำลังออกมาได้เต็มประสิทธิภาพ แรงม้าจึงมาถึง 326 ตัวเลยทีเดียว

img_1112

สำหรับระบบความปลอดภัยล้ำสมัยต่างๆ ในตัว PHEV ก็ยกมาจากตัว H6 HEV Ultra ทั้งหมด การทำงานถือว่าดีอยู่แล้วตั้งแต่ในตัว HEV เพราะฉะนั้นในส่วนนี้จึงไม่มีปัญหาใดๆ ให้ต้องกล่าวถึง โดยส่วนตัวผมชอบการทำงานของระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันของเจ้า HAVAL H6 อยู่แล้ว เนื่องจากมันทำงานได้นุ่มนวลและสมูทเอามากๆ

img_1684

img_1762

เอาละ ทีนี้เราเดินทางเข้าสู่ตัวจ.พระนครศรีอยุธยากันเรียบร้อย ระยะทางราว 102 กม. ผมรีบแอบชำเลืองมองตัวเลยระยะทางบนหน้าจอที่เหลืออยู่ แล้วพบว่า.... มันเหลือระยะทางที่ไฟฟ้าวิ่งได้อีก 54 กม. เท่านั้น นั้นพอคาดการณ์ได้ว่าในการใช้งานจริงจากที่เคลมไว้ที่ 201 กม. เจ้า HAVAL H6 PHEV คันนี้น่าจะทำได้ดีที่สุดคงไม่เกิน 160 กม./ชาร์จ อย่างที่คิดไว้นั่นแหละ แต่ก็ต้องบอกว่าตัวเลขนี้ก็ยังเหนือกว่าคู่แข่งอยู่ดีสำหรับในกลุ่มรถ Plug-In Hybrid

img_9853

หลังจากเหลือระยะทางที่วิ่งได้อีกแค่นี้ เราเลยปรับมาใช้โหมด Hybrid โดยให้เครื่องยนต์เริ่มกลับมาทำหน้าที่ของมันบ้าง แต่ต้องบอกว่า ตลอดการเดินทางขามาเราไม่ได้ใช้น้ำมันแม้แต่หยดเดียว!

img_1790

screenshot2565-09-30at10._1

หลังจากถึงที่หมาย คราวนี้ถึงคราวแต่ละคันก็แยกย้ายการไปทำหน้าที่ของตัวเอง และปักหมุดหมายกลับไปเจอกันอย่างพร้อมหน้าที่จุดเริ่มต้นที่ออกเดินทางมา

เราข้ามมาถึงช่วงขากลับกันเลย ซึ่งเป็นช่วงที่ตัวเลขสำหรับระยะทางที่วิ่งได้ด้วยไฟฟ้าต่ำเตี้ยเรี่ยดินราวๆ อีกแค่ไม่เกิน 15 กม. ต้องบอกว่าสาเหตุหนึ่งมาจากการที่เราจอดรถเพื่อถ่ายทำรีวิวกัน และทำการติดเครื่องเอาไว้ตลอดเวลาจึงทำให้กำลังไฟฟ้าถูกใช้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นขากลับภาระหลักจึงต้องมีเครื่องยนต์เข้ามาช่วยในการขับเคลื่อน

img_1806

screenshot2565-09-30at10.

การเดินทางขากลับ เราค่อนข้างใช้ความเร็วสูงพอสมควร เพื่อทำเวลาให้ถึงปลายทางได้อย่างตามกำหนด แต่เราก็ได้ทดลองเกี่ยวกับช่วงล่างได้อย่างถึงพริกถึงขิง ซึ่งมันทำให้เราพบว่าช่วงล่างมันดีขึ้นจริงๆ ทั้งการเปลี่ยนเลน การเข้าโค้ง มันโยนความมั่นใจใส่พวงมาลัยจนสัมผัสได้ หากเทียบกับกับ HEV มันแตกต่างกันไม่น้อย แม้กระทั่งน้ำหนักพวงมาลัยก็ดูดีขึ้น แต่อาจมาจากหน้ายางของรุ่น PHEV กว้างขึ้นก็เป็นได้ ขนาดยางของตัว PHEV คือ 235 55 R19 ส่วนใจตัว HEV รุ่น ULTRA จะเป็นขนาด 225 55 R19

img_1570

เอาละ เมื่อเดินทางกลับมาถึงจุดหมาย ก็ทำการเติมน้ำมันมันเต็มถังอีกรอบ ตัวเลขกลมๆ คือ 400 บาทกับระยะที่วิ่งราวๆ 230 กม. แต่ผมไม่สามารถฟันธงลงไปได้ถึงเรื่องการบริโภคน้ำมัน เนื่องจากการไปในครั้งนี้ มีการจอดรถติดเครื่องไว้เป็นเวลานานอยู่หลายรอบ แค่พอให้เห็นตัวเลขคร่าวๆ ว่าพอคิดเป็นค่าน้ำมันเท่ากับตกกิโลละบาทกว่าๆ

screenshot2565-09-30at10._2

สรุปสำหรับทริปทดลองขับได้ครั้งนี้ ต้องบอกว่า HAVAL H6 ก็ยังเป็นรถที่ขับได้ดีในแบบของมัน เมื่ออัพเกรดมาเป็นตัว PHEV แถมมีการปรับจูนช่วงล่างใหม่ ก็ยิ่งมีความลงตัวเพิ่มมากขึ้น อ่อ แล้วต้องบอกว่าในรถ PHEV ระดับเดียวกัน มีเจ้านี่แหละที่สามารถชาร์จไฟแบบ DC Fast Charge ได้ ใช้ระยะเวลาประมาณ 35 นาทีเท่านั้น จาก 0-80% ก็ถือว่าได้เปรียบคู่แข่งอีกจุด

img_9914

img_9977

สำหรับใครที่มองว่า ถ้าราคาเท่านั้นราคาเท่านี้ คงไปเอารถรุ่นนั้นรุ่นนี้แทนดีกว่า ผมอยากให้มองที่ลักษณะและการใช้งานของรถที่มีความแตกต่างกันออกไปมากกว่าครับ EV ล้วนก็แบบหนึ่ง PHEV ก็แบบหนึ่ง การเลือกซื้อรถสักคันราคาไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่เอามาเป็นจุดตัดสินใจได้ จริงไหมครับ

img_9921

และ “ราคา” หลายคน หลายสื่อที่กำลังคาดเดา คาดการณ์ จากวงนอกวงในกันมาตลอด ผมถามมาให้แล้ว! ตัวเลขตรงๆ เขาไม่บอกแน่นอนครับ ต้องรอวันที่ 7 ตุลาคม ตามกำหนด แต่... ที่ได้คำตอบมาคือ

HAVAL H6 PHEV ราคาไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทแน่นอน คอนเฟิร์ม!

ทางทีมผู้บริหารอธิบายถึงตัวเลข 1.5 ล้านบาท ว่ามีช่วงราคาห่างจากตัว H6 HEV รุ่น ULTRA ราวๆ 2.5 แสนบาทนั้น เทียบกับสิ่งที่เพิ่มเข้ามาในตัว PHEV มูลค่ามันสูงกว่านั้นพอสมควร โดยเฉพาะแบตเตอรีใหม่ที่ลูกใหญ่ขึ้นมาก จึงไม่สามารถทำราคาให้ต่ำกว่านี้ได้ สำหรับการตั้งราคารถต้องมีการแจกแจงรายละเอียดส่วนต่างๆ ต่อภาครัฐ ดังนั้นราคาที่จะเปิดออกมาในวันที่ 7 ตุลาคม นั้น จะเป็นราคาที่สมเหตุสมผล และไม่ได้ทำให้ทาง GWM มีกำไรเกินกว่าความเป็นจริงครับ เขาว่ามาแบบนี้ รอติดตามกัน...

advertisement

Powered by CarsBoy

ยานยนต์ คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม