
ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้ย้ำจุดยืนที่ชัดเจนอีกครั้งว่า ยูเครนจะไม่ยินยอมยกดินแดนใด ๆ ให้แก่รัสเซีย ในขณะที่การเจรจาเพื่อยุติสงครามตามแผนสันติภาพที่เสนอโดยสหรัฐอเมริกากำลังเดินหน้า เขากล่าวว่า “เราไม่ต้องการยกดินแดนใด ๆ ให้กับรัสเซียอย่างแน่นอน นั่นคือสิ่งที่ยูเครนกำลังต่อสู้อยู่” เซเลนสกีเผยว่า เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นภายใต้กฎหมายยูเครน ภายใต้รัฐธรรมนูญยูเครน ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ หรือแม้แต่กฎทางศีลธรรม
ผู้นำยูเครนเปิดเผยระหว่างเดินทางไปกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อประชุมกับเจ้าหน้าที่กลุ่ม NATO และสหภาพยุโรป (EU) หลังการหารือกับผู้นำอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนีในกรุงลอนดอนว่า การเจรจามีความคืบหน้า และแผนสันติภาพกำลังจะแล้วเสร็จและจะถูกส่งไปยังสหรัฐฯ ต่อไป
เซเลนสกีกล่าวเพิ่มเติมว่า แผนสันติภาพ 28 ข้อฉบับแรกของทรัมป์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอนเอียงเข้าข้างรัสเซีย ได้ถูกปรับลดให้เหลือ 20 ข้อแล้ว โดยประเด็นที่ยูเครนไม่ยอมรับถูกนำออกไปแล้ว แต่รัฐบาลยูเครนเชื่อว่า สหรัฐฯ กำลังมองหาทางประนีประนอมอย่างดีที่สุด
ในการประชุมกับผู้นำยุโรปทั้งสามที่กรุงลอนดอนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เซเลนสกีได้หารือถึง "ประเด็นที่ละเอียดอ่อน" เกี่ยวกับการรับประกันความมั่นคงสำหรับยูเครนและการควบคุมภูมิภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งก่อนการประชุม ผู้นำยูเครนเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนที่ชาวยุโรปและอเมริกันต้องแสดง "ความเป็นหนึ่งเดียว" ในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียและเร่งยุติความขัดแย้ง
ขณะที่นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แห่งอังกฤษ เป็นเจ้าภาพร่วมกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีฟรีดริช แมร์ซ แห่งเยอรมนี ซึ่งเน้นย้ำว่า “เรายังคงและจะยืนหยัดสนับสนุนยูเครนอย่างเข้มแข็ง... เพราะเราทุกคนรู้ดีว่าชะตากรรมของประเทศนี้คือชะตากรรมของยุโรป”
ยูเครนกำลังกังวลว่า ความสนใจของสหรัฐฯ ในการป้องกันยูเครนจากรัสเซียที่ยืดเยื้อมาเกือบ 4 ปี กำลังลดลง เมื่อทรัมป์เปลี่ยนท่าทีไปจับมือกับรัสเซียมากขึ้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวแสดงความไม่มั่นใจว่า ประธานาธิบดีเซเลนสกีพร้อมที่จะสนับสนุนข้อเสนอสันติภาพฉบับล่าสุดหรือไม่
ก่อนเข้าร่วมงานเกียรติยศ Kennedy Center Honors ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เขาต้องบอกว่า เขาค่อนข้างผิดหวังที่ประธานาธิบดีเซเลนสกี ยังไม่ได้อ่านข้อเสนอนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ออกมาใหม่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้เจรจาของสหรัฐฯ และยูเครนได้จัดทำแผนสันติภาพ 19 ประเด็น ซึ่งมีข้อกำหนดหลายอย่างที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้ปฏิเสธในทันที อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่ามีการปรับปรุงแผนดังกล่าวไปมากน้อยเพียงใดหลังการปฏิเสธของรัสเซีย
ขณะเดียวกัน โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายของทรัมป์ ได้กล่าวในการประชุม Doha Forum เมื่อวันอาทิตย์ เมื่อถูกถามว่า บิดาของเขาจะถอนตัวจากยูเครนหรือไม่ เขาตอบว่า "ผมคิดว่าท่านอาจจะทำ" เขากล่าวเสริมว่า "สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับพ่อของผม และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพ่อก็คือ คุณไม่รู้ว่าท่านจะทำอะไร" พร้อมระบุว่า ความไม่สามารถคาดเดาได้ของทรัมป์ บังคับให้ทุกคนต้องรับมือด้วยสติปัญญา
การแสดงความเห็นของทรัมป์เกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลรัสเซียได้แสดงความยินดีกับ “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่” ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการปรับนโยบายต่างประเทศที่ใช้ท่าทีเผชิญหน้ากับยุโรปอย่างไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งรัฐบาลรัสเซียกล่าวว่ามีความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของรัสเซีย
เอกสารยุทธศาสตร์ความมั่นคงของสหรัฐฯ ฉบับใหม่นี้ แตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อน ๆ โดยได้ตัดคำที่ระบุว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามออกไป เอกสารดังกล่าวระบุว่าประเทศในยุโรปมองว่ามอสโกเป็น “ภัยคุกคามที่มีอยู่จริง” และกำหนดให้วอชิงตันเป็นตัวกลางสำคัญในการฟื้นฟู “เงื่อนไขของเสถียรภาพในยุโรปและเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์กับรัสเซีย” นอกจากนี้ยังวิพากษ์วิจารณ์ยุโรปอย่างรุนแรง
แม้ประธานาธิบดีเซเลนสกีจะยืนยันว่า แผนสันติภาพที่สหรัฐฯ เสนอได้ตัด "ประเด็นที่ยูเครนไม่ยอมรับ" ออกไปแล้ว แต่แก่นของข้อตกลงยังคงไม่ลงตัว เนื่องจากยูเครนปฏิเสธการยอมยกดินแดนให้รัสเซียอย่างสิ้นเชิง ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัสเซียยังคงเดินหน้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนอย่างหนักหน่วงด้วยโดรนและขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการหาทางออกทางการทูตยังห่างไกลความสำเร็จ และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนมีความเสี่ยงสูงที่จะยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่ห้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้