
เมื่อวันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ชาวฟิลิปปินส์หลายแสนคนใส่เสื้อสีขาวประท้วงการทุจริต เรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบโครงการจัดการน้ำที่ไม่โปร่งใส เชื่อกันว่าอาจกระทบความมั่นคงตำแหน่งประธานาธิบดีของ “บองบอง”
คลื่นประชาชนสวมใส่เสื้อสีขาวหลั่งไหลเข้ายึดครองพื้นที่ท้องถนนใจกลางกรุงมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ หากมองจากตึกสูงลงมาที่สวนสาธารณะไรซาล สถานที่จัดงานหลักใจกลางเมืองแล้วนั้น จะพบว่าพื้นหญ้าสีเขียวได้กลายเป็นสีขาวไปหมด
บนเสื้อสีขาวสว่างของผู้ชุมนุม มีตัวอักษรสกรีนว่า “ความโปร่งใสเพื่อประชาธิบไตยที่ดีกว่า” หรือ Rally for Transparency and a Better Democracy ซึ่งเป็นชื่อการประท้วงใหญ่ที่จัดขึ้นโดย the influential Iglesia Ni Cristo หรือ Church of Christ ขบวนการทางคริสตศาสนาอิสระขนาดใหญ่ในฟิลิปปินส์
เมื่อวันจันทร์ มีการประมาณจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุม อยู่ที่ 200,000 คน แต่การชุมนุมครั้งนี้จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน และหลายคนปักหลักตั้งเต็นท์เพื่อชุมนุมต่อเนื่องถึงวันนี้ (อังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2568) จึงมีการคาดการณ์ว่า การประท้วง 3 วันครั้งนี้จะมีคนมาเข้าร่วมการชุมนุมรวมราว 650,000 คน (ประเมินโดยสำนักข่าว AP)
“อย่าบิดเบือนกฎหมาย” คำดังกล่าวปรากฎในป้ายประท้วงของประชาชนจำนวนมาก พวกเขามารวมตัวกันเรียกร้องหาความรับผิดชอบต่อการทุจริตในโครงการจัดการน้ำ
โครงการจัดการน้ำโครงการนี้มีมูลค่า 545,000 ล้านเปโซ หรือราว 9,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (นับเป็นเงินไทยก็ราว 299,808 ล้านบาท) ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2565 แต่กลับมีการดำเนินการหลายจุดไม่ได้มาตรฐาน มีการบันทึกข้อมูลโครงการไม่ละเอียดและมากพอ, อีกทั้งยังมีรายชื่อผู้รับเหมาไม่กี่รายเท่านั้นมีส่วนร่วมในโครงการขนาดยักษ์
การประท้วงเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เฟอร์ดินินนด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือ บองบอง เปิดเผยรายละเอียดโครงการจัดการน้ำ Flood Control Project เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ระหว่างการแถลงงานประจำปีต่อรัฐสภา กล่าวโทษว่า การทุจริตคอร์รัปชันเป็นสาเหตุของอุทกภัยรุนแรงที่เกิดขึ้นหลายสัปดาห์ และให้คำมั่นว่าจะสืบสวนประเด็นนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
ฟิลิปปินส์เผชิญไต้ฝุ่นต่อเนื่อง ตั้งแต่พายุโซนร้อนวิภา ไต้ฝุ่นรากาซา, บัวลอย, คัลแมกี, และฟงวอง ที่ทำให้เกิดอุทกภัยหลายพื้นที่ และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ในเดือนกรกฎาคม คริสตินา ปาโดรา วัย 49 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในจังหวัดบูลากัน เกาะลูซอน ของฟิลิปปินส์ เสียชีวิตจากไฟช็อตขณะเดินลุยน้ำไปตรวจสอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ในพื้นที่น้ำท่วม
สำนักงานลดและจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติประจำจังหวัดบูลาคัน (PDRRMO) รายงานว่า เธอเดินเท้าอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังสูงถึงระดับเอว ผ่านเต๊นท์บริเวณสถานีสุขภาพ ที่ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่า มีสายไฟสัมผัสกับเต๊นท์อยู่ จึงทำให้ไฟช็อตปาโดราขณะเดินเข้าไปข้างใน
“เธอตายเพราะน้ำท่วม ไม่ใช่แค่เงินที่เราสูญเสียไป แต่ชีวิตคนด้วย” ฮาจจิ ปาโดรา สามีของคริสตินากล่าว การตายของปาโดราเป็นหนึ่งในการตายอีกหลายสิบที่มีสาเหตุมาจากน้ำท่วมในปีนี้
น้ำท่วมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในฟิลิปปินส์ เนื่องจากประเทศหมู่เกาะแห่งนี้เผชิญกับพายุไต้ฝุ่นและพายุหมุนเขตร้อนหลายสิบลูกต่อปี อย่างเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตกว่า 188 คนจากพายุไต้ฝุ่นคัลแมกี และยังมีผู้สูญหายอีก 135 คน ล่าสุดพายุฟงวองทำให้มีการอพยพผู้คนอีกกว่า 1 ล้านออกจากพื้นที่ประสบภัย และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 คน
ดังนั้นตั้งแต่บองบอง มาร์กอสเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เขาได้จัดการให้มีโครงการป้องกันน้ำท่วมทั่วประเทศกว่า 9,855 โครงการ มูลค่าเกือบ 300,000 ล้านบาท โดยในจังหวัดบูลากันที่ปาโดราเสียชีวิต ได้รับงบประมาณจัดการน้ำท่วม 4,400 ล้านเปโซ หรือราว 2,400 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าเขตอื่นในประเทศ ทว่าวิศวกรประจำเขตเคยเปิดเผยเมื่อเดือนกันยายนว่า โครงการที่สร้างขึ้นนั้น “ต่ำกว่ามาตรฐาน” เนื่องจากงบประมาณมากกว่า 20% ของโครงการคือเงินตอบแทนนักการเมือง
กระแสความโกรธเกรี้ยวปะทุขึ้นในฟิลิปปินส์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และปลุกเร้าขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่ปรากฏต่อเนื่องให้เห็นต่อหน้าต่อตา จนเกิดเป็นการประท้วงวันที่ 21 กันยายน 2568 ที่คนหลายหมื่นคนออกมาประท้วงรัฐบาลด้วยหัวข้อเดียวกัน
เฆซุส คริสปิน เรมูลลา ผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่ และเจ้าหน้าที่สืบสวนเปิดเผยรายละเอียดการคอร์รัปชั่นเพิ่มเติม เรมูลลากล่าวว่า มีหลักฐานเอาผิดนักการเมืองอย่างน้อยสิบคนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้ ในขณะที่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เจ้าหน้าที่สืบสวนของรัฐชี้ว่า ค้นพบ “โครงการผี” หรือโครงการที่มีเพียงชื่อ แต่ไม่มีการดำเนินการจริงอยู่มากถึง 421 โครงการทั้่วประเทศ บางโครงการเป็นถึงโครงการสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ หรือโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์
การทุจริตเป็นภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ไม่น้อยหน้าพายุไต้ฝุ่น อ้างอิงจากการจัดอันดับของ Transparency International ในปี 2024 ฟิลิปปินส์อยู่ที่ลำดับ 114 จาก 180 ประเทศด้วยคะแนน 33 จาก 100 คะแนน
เพื่อสยบความโกรธเกรี้ยวของสาธารณชน ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์กล่าวว่า ภายในอาทิตย์นี้ เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนรู้เห็นในการทุจริตจะถูกจับกุมและถูกตั้งข้อหาภายในปีนี้
“พวกเขาต้องถูกคุมขัง ไม่มีงานฉลองคริสมาสต์สำหรับคนพวกนี้” ประธานาธิบดีกล่าว
แต่เท่านี้อาจยังไม่พอ เพราะคนหลายแสนที่มารวมตัวกันในการประท้วงอาทิตย์นี้ที่สวนไรซาล มาด้วยการนำของโบสถ์ INC โบสถ์ที่มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคน และมีอิทธิพลอย่างมากต่อการเลือกตั้ง ตลอดการเลือกตั้งประธานาธิบดี 5 ครั้งที่ผ่านมา โบสถ์ INC ถือเสียงสนับสนุนอยู่ข้างผู้ชนะมาเสมอ ดังนั้นการจัดการชุมนุมต่อการดำเนินงานในรัฐบาลมาร์กอส อาจหมายถึงความมั่นคงในการสืบทอดสมัยที่สั่นคลอน
อย่างไรก็ตาม เบียนเบนิโด ซานติอาโก จูเนียร์ ผู้นำโบสถ์ INC ยืนยันว่า ไม่ได้มาเพื่อต่อต้านรัฐบาล แต่เพื่อเรียกร้องความรับผิดชอบ
"เราไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งใหม่อย่างกะทันหัน […] เราไม่ต้องการให้รัฐบาลเป็นสถาบันที่ล่มสลาย สิ่งที่เราต้องการคือการล่มสลายของการทุจริตคอร์รัปชันต่างหาก" ผู้นำศาสนากล่าว
อย่างไรก็ตาม South China Moring Post รายงานเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ว่า ความยอมรับและความเชื่อใจของสาธารณะที่มีต่อบองบองดูเหมือนจะตกต่่ำลงในช่วงที่ผ่านมา อ้างอิงผลสำรวจจาก OCTA ระหว่างวันที่ 30 กันยายน - 4 ตุลาคม 2568
ผลสำรวจชี้ว่า คะแนนความเชื่อต่อมาร์กอสในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 57% ลดลงมาจากเดือนกรกฎาคม 7 คะแนน และคะแนนประสิทธิภาพการทำงานอยู่ที่ 54% ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 8 คะแนน
ผลสำรวจยังชี้ว่า ข่าวอื้อฉาวด้านการบริหารงานของรัฐบาลมาร์กอส ทำให้คะแนนนิยมของ ซารา ดูแตร์เต รองประธานาธิบดีผู้มีปัญหากับมาร์กอสตั้งแต่ปีก่อนกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง และความสนับสนุนในเกาะมินดาเนา ฐานเสียงของมาร์กอสก็ลดลงอีกด้วย
ที่มา: The Diplomat, Inquirer.net, The Guardian, Reuters