เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 ตำรวจจีนคุมขังนักบวชหลายสิบคน ผู้เป็นสมาชิกโบสถ์ใต้ดินขนาดใหญ่ในจีน โดยโฆษกของโบสถ์และญาติของผู้ศรัทธาระบุว่า นี่ถือเป็นการปราบปรามชาวคริสเตียนครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 2561
จีนมีประชากรผู้ศรัทธาในคริสตศาสนาอยู่มากกว่า 44 ล้านคน ซึ่งลงทะเบียนกับคริสจักรที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาล ส่วนมากเป็นนิกายโปรเตสแตนต์ อย่างไรก็ตาม มีการประเมินว่า มีประชากรอีกราว 10 ล้านที่เป็นสมาชิก “โบสถ์ในบ้าน” ผิดกฎหมาย ที่ดำเนินการอยู่นอกเหนือการควบคุมของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
โบสถ์ในบ้านเป็นการรวมกลุ่มของผู้ศรัทธารูปแบบหนึ่งที่จะมารวมกันในบ้านแทนการไปศาสนสถาน มักเป็นการรวมตัวอย่างไม่เป็นทางการ รูปแบบโบสถ์ในบ้านในจีนเจริญเติบโตช่วงยุคหลังเหมา เจ๋อตง เนื่องจากในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 มีการปราบปรามศาสนาจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพราะคิดว่ามีความเชื่อมโยงกับจักรวรรดินิยม
การดำเนินการโบสถ์แบบเป็นส่วนตัวอย่างในบ้านจึงเป็นที่นิยม หลังจากยุคการปราบปราม เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและควบคุมจากรัฐบาล รวมถึงกฎระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งทำให้มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ ทรัพยากร และการปฏิบัติพิธีกรรมตามความศรัทธา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนก่อนพรรคคอมมิวนิสต์มีความมุ่งมั่นจะ “ทำให้ศาสนาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจีน” อีกครั้ง หรือความต้องการทำให้ศาสนาต่าง ๆ ในจีนเดินตามแนวทางสังคมนิยมจีน
การปราบปรามนักบวชยังเกิดราวหนึ่งเดือน หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลศาสนาระดับสูงของจีนได้สั่งห้ามการเทศน์หรือการอบรมทางศาสนาออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ศาสนา รวมถึงการ “สมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติ”
เดือนก่อน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงยังได้กล่าวคำมั่นจะ “บังคับใช้กฎหมายเข้มงวด” เพื่อเร่งรัดนโยบาย “ทำให้ศาสนาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจีน” โดยแนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่สี จิ้นผิงพูดถึงในปี 2559 กล่าวว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องชี้นำการปรับตัวของศาสนาให้เข้ากับสังคมแบบสังคมนิยม”
นอกจากนี้ การควบคุมตัวนักบวชครั้งนี้เกิดขึ้นสอดคล้องกับความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่กลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง หลังจีนขยายการควบคุมการส่งออกแร่หายากเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามการควบคุมตัวครั้งนี้ และเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวทันที
บาทหลวงจิน หมิงรื่อ (Jin Mingri) ถูกจับกุมที่เมืองเป่ยไห่ทางตอนใต้ของจีนเมื่อช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2568 เขาคือผู้ก่อตั้งโบสถ์ไซออน (Zion Church) ซึ่งเป็นโบสถ์ในลักษณะ “โบสถ์ในบ้าน” อย่างไม่เป็นทางการ ไม่ได้รับอนุญาตโดยรัฐบาล
ลูกสาวของบาทหลวงจิน เกรซ จิน (Grace Jin) และโฆษกของโบสถ์ ฌอน หลง (Sean Long) รายงานการถูกจับกุมของเขา และกล่าวว่า การจับกุมหมิงรื่อเป็นส่วนหนึ่งของการข่มเหงศาสนาในปีนี้
“สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นการข่มเหงทางศาสนาที่เกิดขึ้นปีนี้” หลงกล่าว และชี้ว่า ตำรวจจีนได้สอบปากคำผู้เข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนากว่า 150 คน ทั้งยังเพิ่มระดับการคุกคามระหว่างพิธีกรรมทางศาสนาวันอาทิตย์ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
จินมีอายุ 56 ปี และถูกควบคุมตัวในศูนย์กักกันหมายเลข 2 เมืองเป่ยไห่ ด้วยข้อสงสัยเรื่อง “การใช้เครือข่ายสารสนเทศอย่างผิดกฎหมาย” ข้อกล่าวหาดังกล่าวอาจทำให้จินติดคุกสูงสุดถึง 7 ปี
หลายคนเกรงว่า จินและบาทหลวงคนอื่น ๆ อาจถูกตั้งข้อหาฐาน “ใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเผยแพร่ข้อมูลทางศาสนาโดยผิดกฎหมาย” ในที่สุด ลูกสาวของเขา เกรซ จิน แสดงความกังวลถึงปัญหาทางสุขภาพของพ่อ
“พ่อเคยเข้าโรงพยายาลเพราะโรคเบาหวานมาแล้ว เรากังวลกันมากเพราะพ่อต้องใช้ยา [...] พวกเขาเตือนฉันว่าทนายไม่ได้รับอนุญาตให้พบนักบวช เราเลยยิ่งกังวลกันมาก” จินผู้ลูกกล่าว
นอกจากบาทหลวงจิน หลงชี้ว่า มีบาทหลวงอีกราว 30 คนและสมาชิกโบสถ์จากทั่วประเทศถูกจับกุมในช่วงเวลาเดียวกัน แม้หลายคนถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา แต่บาทหลวงและผู้นำโบสถ์อีกราว 20 คนยังคงอยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจ
บาทหลวงจินคือผู้ก่อตั้งโบสถ์บ้านไซออนขึ้นในปี 2007 หลังถอนตัวจากการเป็นบาทหลวงในโบสถ์ทางการที่อยู่ใต้การดูแลของรัฐ ลองกล่าวว่า จิน ซึ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เปลี่ยนศานามานับถือคริสตศาสนาหลังเห็นการสังหารหมู่ที่เทียนอันเหมินด้วยตนเองเมื่อปี 1989
โบสถ์ไซออนมีผู้ศรัทธาขาประจำถึง 5,000 คนทั่วประเทศจีน และมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างมากระหว่างการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผ่านการเทศนาทาง ZOOM และการรวมตัวกลุ่มเล็ก ๆ
ลูกสาวของจินกล่าวว่า เมื่อปี 2561 รัฐบาลจีนได้ออกข้อจำกัดการเดินทางต่อบาทหลวงจิน ทำให้เขาไม่สามารถเดินทางไปเยี่ยมภรรยาและลูกทั้งสามคนที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในสหรัฐฯ ได้
“ฉันคิดว่าพ่อรู้มาตลอดว่า มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะต้องติดคุก” เธอกล่าว