เมื่อวานนี้ (21 กันยายน 2568) สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย และโปรตุเกส ซึ่งเป็น 4 ชาติใหญ่ตะวันตกรับรองปาเลสไตน์เป็น “รัฐ” อิสราเอลจะมีท่าทีอย่างไร
แคนาดาเป็นชาติในกลุ่ม G7 ชาติแรกที่รับรองรัฐปาเลสไตน์ โดย G7 คือ กลุ่ม 7 ชาติอุตสาหกรรมใหญ่ที่ไม่เป็นทางการประกอบด้วย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
นายกรัฐมนตรีแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะ “มอบความร่วมมือในการสร้างคำมั่นสู่อนาคตอันสันติ”
นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรเคียร์ สตาเมอร์ กล่าวถึงการรับรองสถานะรัฐครั้งนี้ว่าเพื่อความหวังให้มีแนวทางสองรัฐ และสันติระหว่าง 2 ชาติ
“วันนี้ เพื่อฟื้นคืนความหวังแห่งสันติภาพเพื่อคนปาเลสไตน์และอิสราเอล และแนวทางสองรัฐ สหราชอาณาจักรขอรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ [...] วิกฤตทางสิทธิมนุษยชนโดยน้ำมือมนุษย์ในฉนวนกาซารุนแรงขึ้นไปอีกขั้น การโจมตีฉนวนกาซาอย่างไม่ลดละและยิ่งเพิ่มขึ้นของรัฐบาลอิสราเอล ความรุนแรงตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ความอดอยาก และการทำลายล้างล้วนยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง”
ออสเตรเลียเป็นอีกชาติที่รับรองสถานะรัฐของปาเลสไตน์ พร้อมเพรียงกับแคนาดาและสหราชอาณาจักร เป็นหนึ่งในความพยายามของนานาชาติที่จะสร้างโมเมนตัมให้แนวทางสองรัฐฯ
ในแถลงการณ์ ออสเตรเลียระบุว่า “ออสเตรเลียตระหนักถึงความปรารถนาอันชอบธรรม และยาวนานของชาวปาเลสไตน์ที่จะมีรัฐเป็นของตนเอง [...] การรับรองรัฐในวันนี้สะท้อนความแน่วแน่ของออสเตรเลียในการสนับสนุนแนวทางสองรัฐ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวเพื่อสันติภาพและความมั่นคงสำหรับคนอิสราเอลและปาเลสไตน์”
ด้านเปาโล รังเฌล รัฐมนตรีต่างประเทศโปรตุเกสกล่าวถึงการรับรองรัฐปาเลสไตน์ว่า
“การรับรองรัฐปาเลสไตน์เป็นความตระหนักถึงนโยบายต่างประเทศอันเป็นพื้นฐาน มั่นคง และสำคัญของโปรตุเกส [...] โปรตุเกสสนับสนุนแนวทางสองรัฐฯ ว่าเป็นเพียงทางเดียวที่จะนำมาซึ่งสันติภาพที่ยุติธรรมและยืนยาว การหยุดยิงต้องเกิดอย่างเร่งด่วน” รังเฌลกล่าว พร้อมบอกอีกว่า ฮามาสไม่สามารถควบคุมพื้นที่ในและนอกกาซาได้ และขอให้ปล่อยตัวประกันเร่งด่วน
นอกจาก 4 ชาติใหญ่ดังกล่าว ฝรั่งเศสและเบลเยียมกล่าวว่า จะรับรองรัฐปาเลสไตน์ตามไปในเร็ว ๆ นี้ ชาติที่ยังไม่รับรองสถานะรัฐของปาเลสไตน์ อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ เยอรมนี ปานามา คาเมรูน ส่วนไทยรับรองรัฐปาเลสไตน์แล้ว
ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู มีปฏิกิริยาต่อการรับรองรัฐของชาติตะวันตกว่า รัฐปาเลสไตน์จะไม่มีวันเกิดขึ้น
“ผมมีข้อความอันกระจ่างถึงเหล่าผู้นำที่รับรองปาเลสไตน์เป็นรัฐ หลังเหตุสังหารหมู่อันน่าสลดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ว่า: คุณกำลังมอบรางวัลอย่างงามให้ผู้ก่อการร้าย [...] และผมมีข้อความอีกข้อหนึ่งให้ด้วย ไม่มีทางจะเกิดขึ้น รัฐปาเลสไตน์ไม่มีทางจะได้ก่อตั้งทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน”
ด้านสหรัฐฯ หนึ่งในพันธมิตรรายใหญ่ที่สุดของอิสราเอล แย้งการรับรองรัฐของชาติยุโรปในครั้งนี้ สหรัฐฯ ได้เข้าแทรกแซงเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ ขัดขวางประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ไม่ให้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ด้วยการปฏิเสธวีซ่าของพวกเขา
การรับรองรัฐหมายถึง การแสดงความเต็มใจที่จะเริ่มความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศนั้น ๆ แสดงความเต็มใจของรัฐบาลที่จะติดต่อกับรัฐบาลใหม่ในฐานะ “ตัวแทนของรัฐ” มักเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ใช้เมื่อเกิดกรณีพิพาทด้านสถานภาพ
การรับรองรัฐปาเลสไตน์ สะท้อนขีดจำกัดในความขัดแย้ง เมื่อรัฐบาลปาเลสไตน์ไม่มีที่นั่งในสหประชาชาติ หรือไม่สามารถควบคุมเขตแดนตนเองได้ ทำให้รัฐบาลมีขีดจำกัดในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี
ฮูซัม ซอมลอต หังหน้าคณะผู้แทนปาเลสไตน์ประจำสหราชอาณาจักรกล่าวว่า การรับรองรัฐปาเลสไตน์จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมระหว่างสองฝั่ง และอาจทำให้ประเทศที่รองรับ ย้อนทบทวนความสัมพันธ์ของตนกับอิสราเอล