Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ชาติอาเซียนหันไปซื้ออาวุธจาก “ตุรกี” ราคาจ่ายไหว แต่ก็มีข้อควรระวัง
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ชาติอาเซียนหันไปซื้ออาวุธจาก “ตุรกี” ราคาจ่ายไหว แต่ก็มีข้อควรระวัง

18 ก.ย. 68
14:36 น.
แชร์

Highlight

ไฮไลต์

  • นักวิเคราะห์มองว่า มีหลายเหตุผลที่ทำให้ อาวุธจากตุรกีกลายเป็นที่ต้องการ ประการแรกคือราคาที่เหมาะสมพอจ่ายได้
  • แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เตือนเช่นกันว่า การซื้ออาวุธจากตุรกีจะมีความท้าทายบางประการที่อาจเกิดขึ้นได้
  • ส่วนแบ่งทางการตลาดของอาวุธจากตุรกีในการส่งออกทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 0.8 เปอร์เซ็นต์ระหว่างปี 2015-2019 เป็น 1.7 เปอร์เซ็นต์ระหว่างปี 2020-2024 

เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซียและฟิลิปปินส์ ได้ทำข้อตกลงซื้ออาวุธจากตุรกี ซึ่งอาจจะเป็นประเทศใหม่สำหรับการเป็นแหล่งส่งออกอาวุธ เพราะอาเซียนเองคุ้นเคยกับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตจากชาติตะวันตกมากกว่า 

อย่างเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ อินโดนีเซียลงนามในข้อตกลงสั่งซื้อโดรนจากตุรกี และ 5 เดือนถัดมา ก็มีการสั่งซื้อเรือฟริเกตล่องหนจากบริษัทสัญชาติตุรกีด้วย  

ส่วนมาเลเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสั่งซื้อเรือใหม่อีก 3 ลำ และโดรน ANKA-S MALE ซึ่งคาดว่าจะถูกนำไปใช้งานที่บริเวณทะเลจีนใต้

ขณะที่ฟิลิปปินส์ได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์โจมตี T129 ATAK ผลิตจากตุรกี จำนวน 6 ลำ โดยคู่สุดท้ายเข้าประจำการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2024 โดยรายงานระบุว่าฟิลิปปินส์เซ็นสัญญาซื้อข้อตกลงมูลค่า 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2020


อะไรคือเหตุผลทำให้อาเซียนหันไปซื้ออาวุธจากตุรกี

นักวิเคราะห์มองว่า มีหลายเหตุผลที่ทำให้อาวุธจากตุรกีกลายเป็นที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นราคาที่เหมาะสมพอจ่ายได้ ยุทโธปกรณ์ที่พร้อมใช้งาน เสริมด้วยสิทธิประโยชน์ด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี โครงการผลิตร่วม และเงื่อนไขทางการเมืองที่น้อยกว่า ในขณะที่รัฐบาลตุรกีก็กำลังมองหาตลาดใหม่ ๆ

แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เตือนเช่นกันว่า การซื้ออาวุธจากตุรกีอาจมีความท้าทายบางประการที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การซ่อมบำรุง และความสามารถในการทำงานร่วมกับอาวุธอื่น 

ไครุล ฟาห์มี นักวิเคราะห์ด้านการทหารแห่งสถาบันความมั่นคงและการศึกษาเชิงกลยุทธ์ ซึ่งมีสำนักงานในจาการ์ตา อินโดนีเซีย เปิดเผยกับ CNA ว่า ชาติในอาเซียนควรจะมองอาวุธยุทโธปกรณ์จากตุรกีเป็นส่วนหนึ่งในคลัง แต่ไม่ใช่ซื้อมาเพื่อทดแทนเจ้าอื่น เนื่องจากตัวชี้วัดความสำเร็จของความร่วมมือซื้ออาวุธไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนยุทโธปกรณ์ที่ถูกจัดซื้อเพียงอย่างเดียว แต่จะอยู่ที่ความพร้อมรบ ความพร้อมใช้งานของระบบ ตลอดจนความสามารถในการปฏิบัติการและบำรุงรักษาในระยะยาว

เช่นเดียวกันกับจามิล กานี แห่งวิทยาลัย RSIS ของสิงคโปร์ ที่มองว่า การเป็นหุ้นส่วนใหม่กับตุรกี ยังไม่สามารถเข้ามาแทนที่ประเทศผู้ค้าอาวุธเจ้าเดิมได้ในชั่วข้ามคืน 

ส่วนแบ่งการตลาดอาวุธของตุรกีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


ตุรกีขยายอิทธิพลในอุตสาหกรรมอาวุธอย่างรวดเร็ว เพราะมีความต้องการระบบป้องกันภัยทางกลาโหม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดรน จากหลายประเทศยักษ์ใหญ่ เช่น ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ โอมานและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์มระบุว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดของอาวุธจากตุรกีในการส่งออกทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 0.8 เปอร์เซ็นต์ระหว่างปี 2015-2019 เป็น 1.7 เปอร์เซ็นต์ระหว่างปี 2020-2024 

ส่วน 5 ประเทศที่ส่งออกอาวุธมากที่สุดระหว่างปี 2020-2024 ได้แก่ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน และเยอรมนี โดยส่วนแบ่งตลาดของทั้ง 5 ประเทศรวมกันคิดเป็นถึง 72 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกอาวุธทั้งหมดทั่วโลก 

อุตสาหกรรมอาวุธของตุรกียังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยการส่งออกพุ่งทะยานจาก 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2013 เป็น 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024 ขณะที่ตุรกีเองก็ตั้งเป้าหมายที่จะกลายมาเป็นผู้เล่นด้านการทหารรายใหญ่ของโลก

CNA


แชร์
ชาติอาเซียนหันไปซื้ออาวุธจาก “ตุรกี” ราคาจ่ายไหว แต่ก็มีข้อควรระวัง